Effectiveness of smoking cessation program applying the transtheoretical model among students of Siam University (2018)

 

Title              : Effectiveness of smoking cessation program applying the transtheoretical model among students of Siam University

Researcher       : Payungsak Jantrasurin1*, Duangkamol Viroonudomphol2* and Wattanee Panjinda2*

Department     : 1* Department of Graduate School of Education Adminisstration and Leadership, Siam University, Bangkok, Thailand 2*Faculty of Nursing, Siam University, Bangkok, Thailand

E-mail                : v_duangkamol@yahoo.com

Abstract            : Purpose – The purpose of this study is to examine effectiveness of smoking cessation program applying the ranstheoretical model among students of Siam University. Design/methodology/approach- The one group pretest-posttest quasi experimental study was conducted among students of Siam University in January- February 2018. A total of 80 male undergraduate students participated in the study. 40 smokers male students were an experimental group and 40 of non smokers male were controls. The experimental group was participated in a smoking cessation program according to their stage readiness toward changing behaviors. They met for the transtheoretical model for group discussion and cessation counseling for 2 days. A self-administered questionnaire was used to collect data. Compare differences between mean scores before and after the experimentation by paired t-test. Findings – All of 80 student participants were male. At 4th week after receiving the transtheoretical model for group counseling, the experimental group had a significantly higher mean score for decision balance, self-efficacy, and smoking cessation behaviors than before the experimental (p<0.05). Originality/value – These study results especially smoking behavior before experimentation and the abnormal electrocardiogram of mokers re-emphasized the rising public health concern of tobacco use among younger boys. Therefore, if one can prevent or restrain adolescent from undesirable behaviors, this would contribute a great deal to the public health and society.

Keywords        :    Smoking, Cessation program, Siam University

Donwload PDF  :  Effectiveness of smoking cessation program applying the transtheoretical model among students of Siam University


Proceeding       : The 3rd International Conference of Multidisciplinary Approaches on UN Sustainable Development Goals UNSDGs 2018, Bangkok, Thailand

Link to Proceeding:   http://dept.npru.ac.th/unsdgs2018/


Bibliography     :    Payungsak Jantrasurin, Duangkamol Viroonudomphol & Wattanee Panjinda. (2018). Effectiveness of smoking cessation program applying the transtheoretical model among students of Siam University. In Proceeding The 3rd International Conference of Multidisciplinary Approaches on UN Sustainable Development Goals UNSDGs 2018 (p.79-83). Nakhon Pathom: Nakhon Pathom Rajabhat University.


 

Quick View

การดูแลแบบองค์รวมในการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (2559)

 

ชื่อบทความ     :  การดูแลแบบองค์รวมในการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง : Achieving a Holistic Approach in Stroke Rehabilitation

เจ้าของผลงาน       :  วัฒนีย์ ปานจินดา และ พุทธวรรณ ชูเชิด

หน่วยงาน               :  อาจารย์ประจำ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

E-mail                   :  wattaneedavis@hotmail.com

บทคัดย่อ                :  การศึกษาเชิงคุณภาพนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแบบองค์รวมและศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูสภาพด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านสังคม และด้านจิตวิญญาณ เก็บข้อมูลด้วยการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วมและการสัมภาษณ์เจาะลึก กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มารับการฟื้นฟูสภาพ ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพอัมพฤกษ์-อัมพาต และปฏิบัติธรรมวัดทุ่งบ่อแป้น ซึ่งนอนพักที่วัด มีญาติให้การดูแล และยินดีเข้าร่วมการวิจัย จ านวน 10 ราย ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2557 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content analysis) ผลการวิจัยพบว่า วิธีการดูแลแบบองค์รวมจากกิจกรรมที่ศูนย์ฯ ดำเนินการมีลำดับการให้ผลต่อความก้าวหน้าในการฟื้นฟูสภาพ ดังนี้คือ การฟื้นฟูสภาพตามแนวแพทย์แผนปัจจุบัน การดูแลของบุคคลในครอบครัวหรือญาติ การเยี่ยมตรวจรายวันของพยาบาล การฟื้นฟูสภาพด้านภูมิปัญญาไทย บรรยากาศและสภาพแวดล้อม โดยผู้ป่วยรับรู้ต่อวิธีการดูแลแบบองค์รวมว่า การทำกายภาพบำบัดช่วยให้สภาพร่างกายมีการทรงตัวและเคลื่อนไหวดีขึ้น การตรวจเยี่ยมรายวันของพยาบาล ช่วยเสริมสร้างพลังอำนาจแก่ผู้ป่วยและญาติในการดูแลตนเองและการประเมินความก้าวหน้าของการฟื้นฟูสภาพ การแช่น้้ำสมุนไพรอุ่นๆ และการนวดประคบ ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด การเดินบ่อเลนช่วยเพิ่มกำลังขา การเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจเริ่มเห็นผลหลังจากผู้ป่วยเข้ามาบำบัดฟื้นฟูที่ศูนย์เป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป ทั้งด้านการสื่อสาร การช่วยเหลือตนเอง การได้สวดมนต์ และปฏิบัติธรรมประกอบกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติช่วยให้จิตที่ยังดิ้นรนระส่ำระสาย ลดการปรุงแต่ง สงบและเข้มแข็งมากขึ้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูสภาพพบว่า เพศชายมีการฟื้นฟูสภาพทางกล้ามเนื้อดีกว่าเพศหญิง แต่เพศหญิงมีพฤติกรรมในการปรับตัวต่อการเจ็บป่วยดีกว่าเพศชาย ด้านอายุพบว่า อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นข้อจำกัดในการฟื้นตัวของระบบประสาท เนื่องจากการงอกของเซลล์ประสาทที่ดีเพื่อทดแทนส่วนที่บาดเจ็บและการเชื่อมต่อลดน้อยลง ผู้มีสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัวช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรคมากขึ้น ด้านระดับการศึกษาพบว่า ผู้มีระดับการศึกษาสูงจะมีการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลเพื่อยอมรับการเจ็บป่วยมากกว่า ด้านรายได้ครอบครัวพบว่า ความพร้อมทางการเงินทำให้ผู้ป่วยลดความวิตกกังวลต่อการจะถูกครอบครัวทอดทิ้ง และมีพฤติกรรมการปรับตัวที่เหมาะสมมากขึ้น

คำสำคัญ                :  การฟื้นฟูสภาพโรคหลอดเลือดสมอง การดูแลแบบองค์รวม

Abstract              :  This qualitative study aimed to study the holistic approach and the factors of stroke rehabilitation that affecting the development in physical, mind, environment and soul of the stroke patient. The data was collected during April and May 2014 in observation and interview with ten stroke patients who were willing and accepted this inspection. All patients with caring of their family members, they stayed over and taking treatment at Wat Thungbopean. The data analyze is using the content analysis as the domain. The result found that activities organized by the Centre improves stroke patients from five different factor: improving according to the modern medication, nurture by family members and relative, daily visiting by the nurse, Thai traditional treatment and atmosphere and environment.Physiotherapy respond in improving balance and movement of the body. A daily visiting by the nurse empower the patient’s spirit as well as patients’ relative in self-help and analyze the progress of treatment. The herbs which applied along with massaging in Thai-traditional manner as well as body-soaking in warm-water relax, release and active the muscles and blood-circulation. Practice of walking in muddy field helps in stimulating the energy and action of legs. The better changes in body and mind can be noticed in patients who are taking treatment more than a month at the Centre. Communication skill, self-help, praying and meditation in a good and natural environment help to find the peace of mind. The results of the treatment found: muscle development in male-gender is more effective than the female-gender, but the reaction of behavior-adaption is more improved in female- gender. The age factor is one of domain in development of nervous system, as the young-age patient; dendrite can grow and develop better than the aged patient. A good and cheerful spirit of the patients made and encouraged by the support and relationship of their family members. The literacy patients cantake more reasons to support themselves, as well as a well financial support from family builds a confidence to successful treatment.

Keywords           : Holistic approach, Stroke rehabilitation

Donwload PDF : การดูแลแบบองค์รวมในการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง


Publication        : วารสารวิชาการ ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2559  APHEIT JOURNAL SCIENCE TECHNOLOGY Vol.5 No.2  Jul-Dec 2016

Link to Publication:    http://apheit.bu.ac.th/index.php?id=159

Bibliography    :  วัฒนีย์ ปานจินดา และ พุทธวรรณ ชูเชิด. (2559). การดูแลแบบองค์รวมในการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารวิชาการ ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, 5(2), 70-78.


Quick View

การศึกษาความมีวินัยในตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม (2548)

 

Title              :  การศึกษาความมีวินัยในตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม: THE STUDYING SELF-DISCIPLINED ASPECTS IN UNDERGRADUATE STUDENTS OF SIAM UNIVERSITY

Researcher       : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรทิพา ส่องศิริ  อาจารย์วัฒนีย์ ปานจินดา  อาจารย์ณัฏฐา อนุตรลัญจ์
Department     :  Faculty of Nursing, Siam University, Bangkok, Thailand

E-mail                :  jsiamns@siam.edu

บทคัดย่อ             :  การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความมีวินัยในตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยสยาม โดยรวมและเป็นรายด้าน 7 ด้าน ได้แก่ ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความเป็นผู้นํา ความอดทน ความซื่อสัตย์ ความเสียสละและการรักษาระเบียบใจ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาที่กําลังศึกษาในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม จํานวน 531 คน ทําการสุ่มกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified random sampling) เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถามความมีวินัยในตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t-test, F-test และทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1) นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม มีความมีวินัยในตนเองโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักศึกษามีความมีวินัยในตนเองด้านความเป็นผู้นํา ความรับผิดชอบ ความอดทน ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ และการรักษาระเบียบใจอยู่ในระดับมาก ยกเว้นด้านความเชื่อมั่นในตนเองอยู่ในระดับปานกลาง
2) ค่าเฉลี่ยของความมีวินัยในตนเองโดยรวมของนักศึกษาหญิงสูงกว่านักศึกษาชาย อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3) นักศึกษาแต่ละคณะ ระดับชั้น ความเข้มงวดในการมีระเบียบวินัยของคณาจารย์ ลักษณะการอบรมเลี้ยงดูต่างกัน มีความมีวินัยในตนเองโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05

คำสำคัญ             :  ความมีวินัยในตนเอง นักศึกษา

Abstract            :  The study was descriptive research. The purpose of this study was to determine self-disciplined aspects in undergraduate students of Siam University The self-disciplined aspects composed of responsibility, self-confidence, leadership, patience, honesty, sacrifice and reserving one’s attitude. The subjects were 531 undergraduate students of Siam University that were required from stratified random sampling. The instrument was the self-disciplined aspects questionnaire of undergraduate students that had interrater reliability of 0.89. Data was analyzed by t-test, F-test, and Major finding were as follows:
1) The undergraduate students of Siam University have had the high level of self- disciplined aspects. Considering each an aspect has found that they had the high level in leadership, responsibility, patience, honesty, sacrifice and reserving one’s attitude but they had the moderate level of self-confidence.
2) The mean score of self- disciplined aspects of the female group were significantly higher than the male group at the .05 level.
3) The self- disciplined aspects were significantly different at the .05 level in the difference of grade, the strict-disciplined of instructors on student and admonishment of parents.

Keywords         :  self- disciplined aspects, undergraduate students


Research          :    รายงานการวิจัย เรื่อง การศึกษาความมีวินัยในตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม                            

Link to Research:    http://www.research-system.siam.edu/2013-12-20-03-57-52/251-2013-12-20-05-58-109

Bibliography   :  อรทิพา ส่องศิริ, วัฒนีย์ ปานจินดา และ ณัฏฐา อนุตรลัญจ์. (2548). การศึกษาความมีวินัยในตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสยาม. 


Quick View