ผู้อำนวยการ สำนักหอสมุดและทรัพยากรสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสยาม อาจารย์สุธน สุภาวงศ์ ได้เข้าร่วมสัมมนา ความร่วมมือระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ 37 ภายใต้หัวข้อ “Innovative and Transformative Library Spaces: Empowering Skills for Future Libraries” ระหว่างวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2568 ณ สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยนครพนม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาวิชาชีพบรรณารักษ์ให้ตอบรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล โดยมีผู้บริหาร บรรณารักษ์ นักเอกสารสนเทศ และบุคลากรในสายงานห้องสมุด เข้าร่วมสัมมนาจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศกว่า 400 คน จาก 130 แห่ง นำโดย นางรุ่งเรือง สงเคราะห์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยนครพนม เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการสัมมนา โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ประมา ศาสตระรุจิ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (Uninet) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงาน ณ หอประชุมวชิรบพิตร มหาวิทยาลัยนครพนม (เขตพื้นที่มรุกขนคร) อ.เมือง จ.นครพนม ภายในพิธีเปิด ศาสตราจารย์ ดร.สุรสิทธิ์ วชิรขจร รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยนครพนม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนา และ ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น
รองศาสตราจารย์ ดร.ประมา ศาสตระรุจิ กล่าวถึงบทบาทสำคัญของโครงการ ThaiLIS ซึ่งเป็นเครือข่ายความร่วมมือระหว่างห้องสมุดในระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศที่มีเป้าหมายเชื่อมโยงทรัพยากรสารสนเทศ ฐานข้อมูล และบริการต่าง ๆ ให้เกิดการใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีสารสนเทศและ AI มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อทั้งรูปแบบการจัดการ การให้บริการ และพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ห้องสมุด โดย Uninet ยังคงมุ่งมั่นเป็นกลไกสนับสนุนผ่านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และระบบบริการที่ทันสมัย เพื่อยกระดับศักยภาพของห้องสมุดในสถาบันอุดมศึกษาให้สามารถแข่งขันและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สุรสิทธิ์ วชิรขจร กล่าวเสริมว่า ห้องสมุดในยุคปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งในแง่พฤติกรรมผู้ใช้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล และปริมาณข้อมูลมหาศาล จึงจำเป็นต้องยกระดับทักษะดิจิทัลของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง การสัมมนาครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ ที่สร้างคุณค่าให้ห้องสมุดไทยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากล
ทั้งนี้ การสัมมนาครั้งที่ 37 ยังมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เครือข่ายความร่วมมือระหว่างห้องสมุดในระดับอุดมศึกษา ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Resource Sharing) โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ห้องสมุดขนาดเล็กสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ขณะที่ห้องสมุดขนาดกลางและขนาดใหญ่สามารถขยายฐานผู้ใช้งาน และเพิ่มมูลค่าการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยยกระดับระบบห้องสมุดของไทยให้สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปพร้อมกับระบบการเรียนรู้ในยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
องค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ บทบาทของ ThaiLIS โครงการพัฒนาเครือข่ายระบบห้องสมุดในประเทศไทย (ThaiLIS) เป็นการดำเนินการเชื่อมโยงเครือข่ายห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนกลาง (Thai Library Network – Metropolitan : Thailinet), เครือข่ายห้องสมุดมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค (Provincial University Library Network : Pulinet) และสำนักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เข้าด้วยกันบนเครือข่าย UniNet เพื่อประโยชน์ในการขยายเครือข่ายห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดหน่วยงานอื่นๆ และห้องสมุดประเภทอื่นๆ ในอนาคต ก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพของห้องสมุดอุดมศึกษาและเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ และเกิดระบบการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายปลายทางของแผนกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนาความสามารถของโครงการพัฒนาเครือข่ายระบบห้องสมุดในประเทศไทย (ThaiLIS) ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสร้างพื้นฐานศูนย์การวิจัยแห่้งชาติ เร่งกระบวนการสร้างองค์ความรู้จากงานวิจัย ถ่ายทอดความรู้ได้รวดเร็วตามความต้องการเฉพาะและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสามารถของประเทศจากงานวิจัยที่ยกระดับผลิตภัณฑ์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคมและมีส่งเสริมคุณภาพชีวิตดีขึ้น
Agentic AI (ปัญญาประดิษฐ์เชิงตัวแทน) หมายถึง ระบบ AI ที่มีความสามารถในการกระทําการอย่างอิสระ, ตั้งเป้าหมายเอง, และปรับตัวตามบริบทโดยมีระดับของ autonomy (ความเป็นอิสระ) และ agency (การเป็นตัวแทนของเจตจํานง) ที่สูงกว่า AI แบบดั้งเดิม ซึ่งมักต้องการคําสั่งเฉพาะจากมนุษย์ สรุปประโยชน์การใช้ AI
- 1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถเฉพาะบุคคล และการเข้าถึงในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
- 2. แทนที่ AI จะมาแทนที่บรรณารักษ์ แต่ AI จะช่วยส่งเสริมให้บรรณารักษ์สามารถให้บริการได้ดีขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนนวัตกรรม
- 3. อนาคตของพื้นที่การเรียนรู้ คือความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI ซึ่งเทคโนโลยี ทำหน้าที่สนับสนุน ไมใช่แทนที่ความเชี่ยวชาญของมนุษย์
AI คืออะไร ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการออกแบบให้สามารถเรียนรู้ เข้าใจ และแก้ปัญหาได้คล้ายคลึงกับความสามารถทางปัญญาของมนุษย์
ขีดความสามารถหลักของระบบ AI
- 1. การเรียนรู้ (Learning)
- 2. การตัดสินใจ (Dicision Making)
- 3. การรับรู้ (Perception)
บทบาทสำคัญของ AI ในการวิจัยยุคใหม่
- 1. วิเคราะห์ข้อมูล AI ช่วยประมวลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- 2. การเขียนและเรียบเรียง
- 3. จริยธรรมการใช้ เน้นย้ำความผิดชอบ และการป้องกันอคติ
- 4. เครื่องมือที่น่าสนใจ
เครื่องมือ AI ที่น่าเชื่อถือสำหรับงานวิจัย
- ChatGPT (OpenAI) เป็น AI สนทนาที่สามารถสร้าง ข้อความ ตอบคำถาม และสรุปข้อมูลได้หลายหลาย เหมาะสำหรับการระดม ความคิดและร่างข้อความเบื้องต้น
- Claude (Anthropic) โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เน้นความปลอดภัยและเป็นประโยชน์ สามารถประมวลผลข้อความยาวๆ และให้คำตอบที่ละเอียดอ่อนได้ดี
- Scite.ai (อ้างอิงงานวิจัย) เครื่องมือนี้ช่วยให้นักวิจัย สามารถตรวจสอบการอ้างอิง และดูว่างานวิจัยอื่นสนับสนุนหรือโต้แย้งข้อค้นพบได้อย่างไร
- Elicit.org (ค้นหาเอกสารวิจัย) แพลตฟอร์มที่ใช้ AI เพื่อค้นหาเอกสารวิจัยที่เกียวข้อง สรุปใจความสำคัญ และตอบคำถามจากชุดเอกสารได้
- Research Rabbit (เชื่อมโยงผลงานวิจัย) เครื่องมือนี้ช่วยให้นักวิจัยค้นพบงานวิจัยที่เกียวข้องกับหัวข้อที่สนใจ และสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ ระหว่างเอกสารและนักวิจัย
- Perplexity AI (ค้นหาและสรุปข้อมูล) เป็น Search Engine ที่ใช้ AI เพื่อค้นหาข้อมูล และสรุปผลการค้นหาจาก แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือพร้อมระบุแหล่งที่มา
สรุป การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ
- 1. AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานวิจัย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล การสรุปวรรณกรรม หรือการเขียนรายงาน AI สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานเพิ่มความรวดเร็วได้อย่างมาก
- 2. เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับขั้นตอน การทำความเข้าใจความสามารถของเครื่องมือ AI แต่ละชนิด และเลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการในแต่ละขั้นตอนของงานวิจัยเป็นสิ่งสำคัญ
- 3. รู้เท่าทันข้อจำกัดของ AI AI ยังมีข้อจำกัดในด้านความเข้าใจเชิงลึกและอคติของข้อมูล ดังนั้นการตระหนักถึงข้อจำกัดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น
- 4. ใช้ด้วยความรับผิดชอบและมีจริยธรรม การยึดมั่นในหลักจริยธรรม การตรวจสอบข้อมูล และการอ้างอิงอย่างโปร่งใส คือหัวใจสำคัญของการใช้ AI ในงานวิจัย การใช้ AI ในงานวิจัยจึงไมใช่เรื่องของแทนที่มนุษย์ แต่เป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้นักวิจัยสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
ข้อเสอนแนะ
- 1. ใช้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ AI เหมาะกับการค้นหา สรุป เปรียบเทียบ ช่วยเขียนเบื้องต้น แต่ ต้องมีมนุษย์ตรวจทาน วิเคราะห์และติดสินใจ
- 2. เลือกใช้เครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ เช่น
ChatGPT/SciSpace = สรุป literature
Perplexity = วิเคราะห์เครือข่ายการอ้างอิง
QuillBot/Grammarty = ตรวจภาษาและเขียนใหม่
Paperpal/Turnitin AI Detector = ตรวจ Plagiarism และตรวจ AI- generated content - 3. พิจารณาจริยธรรมในการใช้ AI เช่น การระบุให้ชัดเจนว่ามีการใช้ AI ในส่วนใดของการวิจัย เคารพสิทธิ์ของงานต้นฉบับและไม่ลอกโดยไม่อ้างอิง
- 4. ส่งเสริมให้นักศึกษาเรียน AI อย่างมีวิจารณญาณ ไม่ห้ามใช้ แต่ควรสอนให้ใช้เป็น เพื่อเพิ่มทักษะวิจัยในศตวรรษที่ 21
- 5. ติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย/มาตรฐานของวารสารวิชาการ หลายวารสารกำหนดให้เปิดเผยการใช้ AI ในบทความ หรือห้ามไม่ให้ AI เป็นผู้เขียนร่วม AI ช่วยสนับสนุนงานวิจัย ตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วยเพิ่มความเร็ว ความแม่นยำ และคุณภาพของผลลัพธ์ หากใช้อย่างมีวิจารณญาน