การรับรู้คุณภาพการให้บริการและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสาร แบบปากต่อปากของโรงพยาบาลเอกชน
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ (1) เพื่อศึกษาการรับรู้คุณภาพการให้บริการและการสื่อสารแบบปากต่อปากตามทัศนะของผู้รับบริการที่มีต่อโรงพยาบาลเอกชน (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารแบบปากต่อปากของผู้รับบริการที่มีต่อโรงพยาบาลเอกชน โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้รับบริการที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 400 ตัวอย่าง การศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามแนวของไลเคิร์ท จำนวน 44 ข้อ เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) และการสร้างสมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ (Multiple Regression Analysis: MRA) ด้วยวิธี Stepwise นำไปประมวลผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีระดับการรับรู้คุณภาพการให้บริการทางการแพทย์และการต้อนรับของโรงพยาบาลเอกชนอยู่ในระดับมากทุกด้าน สำหรับสมการปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารแบบปากต่อปากของโรงพยาบาลเอกชน คือ
การสื่อสารแบบปากต่อปาก = .308พนักงานต้อนรับ+.231การบริการชำระเงิน+.169การดูแลห้องพักผู้ป่วย+.144การบริการของแพทย์ +.144การเข้าพักในโรงพยาบาลเอกชน+.108การบริการด้านอาหาร;
R2 = 0.658, SE = 0.378
คำสำคัญ : การรับรู้คุณภาพการให้บริการ การสื่อสารแบบปากต่อปาก โรงพยาบาลเอกชน
ABSTRACT
The purposes of this research were (1) to study the perceived quality of services and word of mouth communication by users to the private hospitals (2) to study factors that influence word of mouth communication of the services available to private hospitals. Samples consisted of patients who were admitted in private hospitals listed the Stock Exchange of Thailand. Sampling was done of 400 people. The anonymous questionnaires of forty four items of five-point likert scale. The data received were calculated and analyzed using descriptive statistics (frequency, percentage, mean and standard deviation) and inferential statistics ANOVA and Multiple Regression Analysis (MRA). The researchers used the statistical package of social science (SPSS) for windows.
The results of the study showed that samples with the perceived service quality in the field of medical services and hospitality of a private hospitals and acceptance were high level.
The equation for factors was influencing word of mouth communication of private Hospitals. Listed below
Word of Mouth =.308(Receptionist)+.231(Payment)+.169(Housekeeping)+.144(Physician) +.144(Admission) +.108(Food); R2 = 0.658, SE = 0.378.
Keywords : Perceived Service, Word of Mouth communication, Private Hospitals
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2557). การรับรู้คุณภาพการให้บริการและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสาร แบบปากต่อปากของโรงพยาบาลเอกชน. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 5(2), 16-29.
การวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอนในการวิเคราะห์ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น (2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการตลาดกับการตัดสินใจซื้อพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น (3) เพื่อวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ แบบเป็นขั้นตอน ในการวิเคราะห์ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น จำนวน 400 คน ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ สถิติเชิงพรรณนา ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการตลาดใช้สถิติสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) และการสร้างสมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณด้วยวิธี Stepwise
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 31 – 50 ปี สถานภาพสมรส มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 2 คน ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท และมีการศึกษาระดับปริญญาตรี ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น ทั้งหมด 4 ปัจจัย และสมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ ได้แก่
ŷ = .548+.291(X5)+.231(X1)+.161(X3)+.156(X2) ; R2 = 0.724
Abstract
This research aims (1) to study the Marketing factors affecting to buying decisions of Plum Condo Bangyai Station. (2) to analyze the relationship model of marketing factors, image factor to make buying decisions of Plum Condo Bangyai Station. (3) to analyze stepwise multiple regression in assessing the factors affecting to buying decisions of Plum Condo Bangyai Station. Sample consisted of people staying in Plum Condo Bangyai Station. Sampling was done of 400 people with a purposive sampling method by descriptive statistics, the average percentage and standard deviation. The correlation was used to Pearson product moment correlation coefficient and a multiple linear regression with stepwise.
The results of the study showed that most of samples were male, 31 – 50 years of age, married, 2 person in family, employed professionals with a bachelor’s degree and a monthly income between 30,001 – 40,000 baht. Marketing factors and image factor were affecting to buying decisions of Plum Condo Bangyai Station with 4 variables and a multiple linear regression equation. Listed below;
ŷ = .548+.291(X5)+.231(X1)+.161(X3)+.156(X2) ; R2 = 0.724
Keywords
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2560). การวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอนในการวิเคราะห์ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อพลัมคอนโดมิเนียม บางใหญ่ สเตชั่น. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 9(2), 27-35.
STEPWISE MULTIPLE REGRESSION ANALYSIS IN ASSESSING THE MARKETING FACTORS AFFECTING TO BUYING DECISIONS
OF PLUM CONDO BANGYAI STATION
ความคิดเห็นเจ้าหน้าที่ ฝ่ายบัญชีและการเงินของสํานักงานบัญชีที่มีต่อแนวปฏิบัติ การควบคุมภายใน (2560)
Accounting and Financial of Accounting Office and storage in May 2017. The questionnaire was used for data collection. And the data were analyzed by using percentage, mean, standard deviation and Statistic program. The findings revealed that the majority of the samples were females. Their ages were between 26-35 years and they studied in bachelor degree. Moreover, their working experiences were more than 10 years. In addition, their salaries were more than 30,000 baht each month. The opinions on internal controlling practices of the employees in Accounting and Financial Department were level of the most agree which was average at 4.09. With reference to the main point, it is discussed follows.
Bibliography : กิตติศักดิ์ สรแพทย์, กิตติชัย ถาวรธรรมฤทธิ์, เบญจมาศ ปานชัย, วิทยา อรุณศิริเพ็ชร์, พิจักษณ์ จันทวิโรจน์, ไขแสง ขุนพาสน์ และ รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2560). ความคิดเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงินของสํานักงานบัญชีที่มีต่อแนวปฏิบัติการควบคุมภายใน. ใน การประชุมเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ครั้งที่ 7 (หน้า 106 – 121), นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
Link to Research: ความคิดเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงินของสํานักงานบัญชีที่มีต่อแนวปฏิบัติการควบคุมภายใน: Opinion of Accountingand Financial Officers of Accounting Office for the Internal Control Process Practice
ความพึงพอใจการใช้บริการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานนทบุรี
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจประชากรศาสตร์ ศึกษาพฤติกรรม ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ และเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างประชากรศาสตร์ และพฤติกรรมการใช้บริการกับความพึงพอใจในการใช้บริการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานนทบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้ที่ใช้บริการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานนทบุรี จำนวน 400 ราย สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย การแจกแจงความถี่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติไคสแควร์
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี สถานภาพโสด เป็นพนักงานบริษัทเอกชน/รัฐวิสาหกิจ การศึกษาระดับปริญญาตรี มีรายได้ 20,001 – 30,000 บาท และนับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ผู้วิจัยยังพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ใช้บริการเพราะเป็นธนาคารที่ดำเนินธุรกรรมตามหลักศาสนาอิสลาม มีความถี่ในการใช้บริการ 2 ครั้งต่อเดือน นิยมใช้บริการวันศุกร์ ช่วงเวลา 14.01 น. – 16.30 น. ใช้บริการด้านเงินฝากมากที่สุด และปัจจัยที่มีความพึงพอใจมากที่สุด ได้แก่ ปัจจัยด้านบุคลากร และปัจจัยที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุด ได้แก่ ปัจจัยด้านสถานที่ให้บริการ และการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย พบว่า เพศ อายุ สถานภาพ อาชีพ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ และศาสนาที่นับถือมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจต่อการใช้บริการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานนทบุรี และยังพบว่า สาเหตุที่เลือกใช้บริการ ความถี่ในการใช้บริการ วันที่ไปใช้บริการ เวลาที่ไปใช้บริการ ลักษณะการใช้บริการ และประเภทการใช้บริการมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใช้ในการใช้บริการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานนทบุรี
คำสำคัญ: ความพึงพอใจ, การใช้บริการ, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
Abstract
This research aims to explore the personality, behavior and study the customer satisfaction as well as study the factors that were relation between personality, service behavior and satisfaction on the service of Islamic Bank of Thailand, Nontaburi branch. Sample group used consumers of Islamic Bank of Thailand, Nontaburi branch totally 400 persons by using purposive random sampling and statistical method used in data analysis was frequency distribution, percentage, mean, and standard deviation and chi square. it was found by research results that
The result of the study showed that most consumers were female, aged between 31 – 40 years, single, as private companies/enterprises, hold bachelor degree and earned to 20,001 – 30,000 Baht and Islam. In addition, Most of them used service was banking transactions according to Islamic principles, frequency of service were 2 times per month, most Friday during 14.01 – 16.30, used of deposit services and the satisfaction of most service was human factor and place factor was the least satisfied and found that sex; age, marital status, occupation, education level, income, and religion were related to satisfaction on the service of Islamic Bank of Thailand, Nontaburi branch. Besides, it also has found that cause options, frequency of used, on the service, time to used, description of service and type of service were related to satisfaction on the service of Islamic Bank of Thailand, Nontaburi branch
Keyword: Satisfaction, On the Service, Islamic Bank of Thailand
Keywords
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2560). ความพึงพอใจการใช้บริการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานนทบุรี. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยธนบุรี, 11(25), 68-77.
SATISFACTION ON THE SERVICE OF ISLAMIC BANK OF THAILAND, NONTABURI BRANCH By Rungroje Songsraboon
ความพึงพอใจในการใช้บริการเงินฝากของลูกค้าธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ (2560)
บทคัดย่อ
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และมีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ผู้วิจัยยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไปใช้บริการกับเพื่อนมากที่สุด มีความถี่ในการใช้บริการ 5 – 6 ครั้งต่อเดือน นิยมไปใช้บริการในวันพฤหัสบดี เวลาที่ไปใช้บริการคือ 14.01 น. – 16.00 น. และปัจจัยที่มีความพึงพอใจในการใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ ปัจจัยด้านบุคลากร และปัจจัยที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุด ได้แก่ ปัจจัยด้านสถานที่ให้บริการ ส่วนการทดสอบสมมติฐานพบว่า เพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ต่อเดือน และอาชีพมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการใช้บริการธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ไปใช้บริการร่วมด้วย ความถี่ ในการใช้บริการ วันที่ไปใช้บริการ และเวลาที่ไปใช้บริการ มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการใช้บริการธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ
Abstract
This research aims to explore the personality, service factors and to study the satisfaction as well as study the factors that were relation between personality, service behavior and satisfaction on the service of Bangkok Bank, The Mall Tapha Branch. Sample group used consumers of Bangkok Bank, The Mall Tapha Branch totally 400 persons by using accidental random sampling and statistical method used in data analysis is frequency distribution, percentage, mean, and standard deviation and chi square is used to test hypothesis results, it is found by research results that The result of the study showed that most consumers were male, aged between 41 – 50 years, hold bachelor’s degree and earned up to 30,000 Baht. In addition, Most of them used service with friend, frequency of service were 5 – 6 times per month, preferred to used the service on Thursday, time the service were 14.01 – 16.00 and the satisfaction of most service was human factor and place factor was the least satisfied. For assumption test, it has found that sex, age, education level income per month and occupation were related to satisfaction on the service of Bangkok Bank, The Mall Tapha Branch. Besides, it also has found that users to share service, frequency of use, date to used and time to use were related to satisfaction on the service of Bangkok Bank, The Mall Tapha Branch.
Bibliography :
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ, วิบูลย์ ชินบูรพา, โสภิดา ทะสังขา, พิเชษฐ์ มุสิกะโปดก และสัมฤทธิ์ เทียนดำ. (2560). ความพึงพอใจในการใช้บริการเงินฝากของลูกค้าธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ. ใน การประชุมเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ครั้งที่ 7 (หน้า 1 – 10), นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
Link to Research: ความพึงพอใจในการใช้บริการเงินฝากของลูกค้าธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์ ท่าพระ: Satisfaction on the Service of Customers’ Deposit Account Service of Bangkok Bank, the Mall Tapha Branch
ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม
Title : ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม: BTHE MARKETING FACTORS AFFECTING TO BUYING DECISIONS OF SUPALAI PARK RATCHAPHRUEK-PHETKASEM CONDOMINIUM
Researcher : ดร.รุ่งโรจน์ สงสระบุญ และ ดร.สัมฤทธิ์ เทียนดำ
Department : Faculty of Business, Siam University, Bangkok, Thailand
E-mail : rrs101@hotmail.com
บทคัดย่อ : วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางการตลาดและระดับการตัดสินใจซื้อ คอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม (2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม (3) เพื่อวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ แบบเป็นขั้นตอน ในการวิเคราะห์ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม จำนวน 400 คน ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ สถิติเชิงพรรณนา ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการตลาดใช้สถิติสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) และการสร้างสมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณด้วยวิธี Stepwise ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 31 – 50 ปี สถานภาพสมรส มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 2 คน ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท และมีการศึกษาระดับปริญญาตรี ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม ทั้งหมด 4 ปัจจัย ได้แก่ ชื่อเสียงภาพลักษณ์ ผลิตภัณฑ์ ท าเลที่ตั้ง และราคาและสมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ ได้แก่ ŷ = 288(X5)+.195(X1)+.188(X3)+.142(X2) ; R2= 0.664
คำสำคัญ : ปัจจัยทางการตลาด, ชื่อเสียงภาพลักษณ์, การตัดสินใจซื้อ, คอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม
Abstract : This research aims (1) to study the Marketing factors and level of buying decisions of Supalai Park Ratchaphruek-Phetkasem condominium. (2) to analyze the relationship model of marketing factors, The image factor to make buying decisions of Supalai Park Ratchaphruek-Phetkasem condominium. (3) to analyze stepwise multiple regression in assessing the factors affecting to buying decisions of Supalai Park Ratchaphruek-Phetkasem condominium. Sample consisted of people staying in Supalai Park RatchaphruekPhetkasem condominium. Sampling was done of 400 people with a purposive sampling method by descriptive statistics, the average percentage and standard deviation. The correlation was used to Pearson product moment correlation coefficient and a multiple linear regression with stepwise. The results of the study showed that most of samples were male, 31 – 50 years of age, married, 2 person in family, employed professionals with a bachelor’s degree and a monthly income between 30,001 – 40,000 baht. Marketing factors and The image factor were affecting to buying decisions of Supalai Park Ratchaphruek-Phetkasem condominium with 4 variables include the image, product, place and price and a multiple linear regression equation. Listed below;
ŷ = 288(X5)+.195(X1)+.188(X3)+.142(X2) ; R2= 0.664
Keywords : Marketing factors, The image factor, Buying decisions, Supalai Park Ratchaphruek-Phetkasem condominium
Proceeding : การประชุมวิชาการระดับชาติสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2560 วันที่ 25 พฤษภาคม 2560 มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต APHEIT Conference 2017
Link to Proceeding: http://apheitconference.siam.edu/index.php/en/proceedings-2012-2016
Bibliography : รุ่งโรจน์ สงสระบุญ และ สัมฤทธิ์ เทียนดำ. (2560). ปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม. ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2560 (หน้า 188-199). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต.
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี (2563)
Title : ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี (Factors Affecting Condominium Buying Decisions of IRIS Westgate, Nontaburi)
Researcher : ดร.จิตระวี ทองเถา, ดร.นันทพร ดำรงพงศ์ และ ดร.รุ่งโรจน์ สงสระบุญ
Dr.Jitravee Thongtao, Dr.Nantaporn Damrongpong & Dr.Rungroje Songsraboon
Department : MBA, Siam University, Bangkok, Thailand
E-mail : jitravee.tho@siam.edu
บทคัดย่อ : วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์และปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอยางส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกวาเพศหญิง โดยมีอายุ ระหว่าง 36 – 46 ปี ซึ่งส่วนใหญ่แต่งงานแล้ว มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 3 คน มีอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือนระหว่าง 20,001 – 40,000 บาท และส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ การพิจารณาการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี ส่วนใหญ่พิจารณาจากราคาและเงื่อนไขการผ่อนชำระ วัตถุประสงค์หลักในการตัดสินใจ คือ มีครอบครัวแล้วและต้องการมีที่พักอาศัยเป็นสัดส่วน ส่วนใหญ่รับทราบข้อมูลข่าวสารผ่านโทรทัศน์ นอกจากนี้ผู้วิจัยพบว่า การตัดสินใจระดับสูงที่สุด คือ ด้านราคา การทดสอบสมมติฐาน พบว่าลักษณะประชากรศาสตร์และปัจจัยทางการตลาดมีความสัมพันธ์กับการตัดสิ นใจซื้อไอริ ส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี
คำสำคัญ : ปัจจัยทางการตลาด, การตัดสินใจซื้อ, ไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม
Abstract : The purpose of this study to demographic and marketing mix factors affecting condominium buying decisions of IRIS Westgate, Nontaburi. The results of the study showed that most consumers are male, aged between 36 – 46 years, married, 3 members of family, work in private companies, earned between 20,001 – 40,000 baht per month, and hold bachelor’s degree. In addition, condominium buying decision of condominium buying decisions of IRIS Westgate, Nontaburi considered from price and terms and conditions. The main objective in buying decision was that they had a family and wanted to have their own residence. Most of them received information through television. In addition, the researcher found that the highest decision making was price. Hypothesis testing revealed that demographic and marketing mix factors were related to decision making condominium in IRIS Westgate, Nontaburi.
Keywords : Marketing Mix, Buying decisions, IRIS Westgate condominium.
Proceeding : การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ National and International Academic Conference Innovation and Management for Sustainability 9-10 July 2020 Eastin Grand Hotel Sathorn Bangkok
Link to Proceeding SECTION 1 : Link Download (compressed 8 MB) | Link Download (39.9 MB )
Bibliography : จิตระวี ทองเถา, นันทพร ดำรงพงศ์ และรุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี (Factors Affecting Condominium Buying Decisions of IRIS Westgate, Nontaburi). ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ National and International Academic Conference Innovation and Management for Sustainability 9-10 July 2020 (หน้า 480-490). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสยาม.
ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาโรคไม่ติดต่อตามแนวทางพุทธศาสนา Rungroje Songsraboon
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ (1) เพื่อสำรวจปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาโรคไม่ติดต่อตามแนวทางพุทธศาสนา (2) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรักษาโรคไม่ติดต่อตามแนวทางพุทธศาสนา (3) เพื่อศึกษาปัจจัยทำนายการรักษาโรคไม่ติดต่อตามแนวทางพุทธศาสนา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นโรคไม่ติดต่อ จำนวน 400 ตัวอย่าง ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ สถิติเชิงพรรณนา ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) และการสร้างสมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุด้วยวิธี Stepwise
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 45 – 59 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพรับราชการ และเป็นโรคไขมันในเลือดสูง ปัจจัยตามแนวทางพุทธศาสนาที่มีผลต่อการมีสุขภาพดีมากที่สุด ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และสามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ได้ดังต่อไปนี้
การมีสุขภาพดี = .308การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์+.156การออกกำลังกาย+.144การปฏิบัติตนตามนาฬิกาชีวิต+.108การสวดมนต์+.104การนั่งสมาธิ: R2 = 0.658, SE = 0.378
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาโรคไม่ติดต่อตามแนวทางพุทธศาสนา. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย สาขาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปะ, 36(3), 133-144.
Factors Affecting Therapy of the Non-Communicable Diseases (NCDs) According to Buddhism By Rungroje Songsraboon
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ (1) เพื่อศึกษาคุณภาพบริการโดยรวม การมุ่งเน้นตลาด นวัตกรรมทางการตลาด และการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย (2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุทางตรงและทางอ้อมของคุณภาพบริการโดยรวม การมุ่งเน้นตลาด นวัตกรรมทางการตลาดที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย ประชากร ได้แก่ เจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย จำนวน 207 ตัวอย่าง การศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามแนวของไลเคิร์ท จำนวน 64 ข้อ เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติที่ทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (Path Analysis) และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM)
ผลการวิจัยพบว่า (1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็กที่มีเตียงผู้ป่วย 10 – 100 เตียง และเป็นโรงพยาบาลประเภทรักษาโรคทั่วไป (2) ปัจจัยคุณภาพบริการโดยรวม การมุ่งเน้นตลาด และนวัตกรรมทางการตลาดมีผลทางตรงและทางอ้อมต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชน และ (3) โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยมีความเหมาะสม เนื่องจากมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และแต่ละองค์ประกอบของโมเดลมีความเที่ยงตรง มีความสามารถในการพยากรณ์ได้ระดับดีและเป็นที่ยอมรับได้
คำสำคัญ: คุณภาพบริการโดยรวม, การมุ่งเน้นตลาด, นวัตกรรมทางการตลาด, การดำเนินงาน, โรงพยาบาลเอกชน
Abstract
The purpose of this research was (1) to study total service quality, market orientation, marketing innovation and performance of private hospitals. (2) to analyze the causal direct and indirect relationship of total service quality, market orientation, Marketing innovation towards performance of private hospitals. Samples consisted of executive officers of private hospitals in Thailand. Sampling was done of 207 people. The anonymous questionnaires of sixty-four items of five-point Likert scale. The data received were calculated and analyzed using descriptive statistics (frequency, percentage, mean and standard deviation). The path analysis was used to test the hypotheses. The Structural equation modeling: SEM was used to test performance of private hospitals model
The results of the study showed that (1) most samples are manager of small private hospital size with 10 – 100 beds and private hospitals of treatment of common diseases (2) total service quality, market orientation and marketing innovation direct and indirect to performance of private hospitals. The causal model developed is appropriate. Because they are consistent with the empirical data. Elements of the model are accurate (Validity) and have the ability to predict and are an acceptable level.
Keyword: Total Service Quality, Market Orientation, Marketing Innovation, Performance, Private Hospitals
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2559). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยธนบุรี, 10(22), 80-88.
FACTORS INFLUENCING PERFORMANCE OF PRIVATE HOSPITALS IN THAILAND By Rungroje Songsraboon
รูปแบบการบริการที่เป็นเลิศของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และค้นหารูปแบบการบริการที่เป็นเลิศของโรงพยาบาลเอกชน ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2560 โดยใช้เทคนิค Ethnographic Delphi Future Research กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 20 คน คัดเลือกตามคุณสมบัติที่กำหนดและการบอกต่อของผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วย 1) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหาร โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเป็นระดับผู้บริหาร จำนวน 3 คน 2) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการพยาบาล ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่าย การพยาบาล จำนวน 5 คน 3) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรการ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการ จำนวน 4 คน 4) ผู้เชี่ยวชาญ ด้านปฏิบัติการพยาบาล ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการพยาบาล จำนวน 5 คน และ 5) ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา พยาบาล ซึ่งเป็นอาจารย์พยาบาลที่สอนระดับบัณฑิตศึกษา จำนวน 3 คน รวมทั้งหมด 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย รอบที่ 1 เป็นแบบสัมภาษณ์ ส่วนรอบที่ 2 และ 3 เป็นแบบสอบถามมาตรวัดประมาณค่า วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่ามัธยฐาน และค่าพิสัยระหว่างควอไทล
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการบริการที่เป็นเลิศของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย ปี พ.ศ.2560 ประกอบ ด้วย 4 หมวด ดังนี้
1. การบริการของแพทย์และนางพยาบาล ประกอบด้วย 4 ด้านย่อย ได้แก่ 1) การจัดการทั่วไป 2) การจัดการ ทรัพยากรมนุษย์ 3) การจัดการความรู้ และ 4) การจัดการงบประมาณ
2. การบริการวินิจฉัยโรค ประกอบด้วย 2 ด้านย่อย ได้แก่ 1) รูปแบบการบริการวินิจฉัยโรค และ 2) คุณภาพ การบริการและการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ
3. การบริการของพนักงานต้อนรับ ประกอบด้วย 2 ด้านย่อย ได้แก่ 1) สมรรถนะทั่วไป และ 2) สมรรถนะเฉพาะ ตำแหน่งผู้นำพนักงานต้อนรับและผู้ปฏิบัติงานต้อนรับ
4. การบริการของพนักงานรับชำระเงิน ประกอบด้วย 2 ด้านย่อย ได้แก่ 1) สมรรถนะทั่วไป และ 2) สมรรถนะ เฉพาะตำแหน่งผู้นำพนักงานรับชำระเงินและผู้ปฏิบัติงานชำระเงิน
คำสำคัญ : การบริการที่เป็นเลิศ, คุณภาพการบริการ, โรงพยาบาลเอกชน
ABSTRACT
The purpose of this research was to study find and analyze model of an excellent service of private hospitals in Thailand at 2017. An Ethnographic Delphi Future Research (EDFR) technique was applied. Twenty experts including 3 private hospital administrators, 5 members from nursing organizations, 4 Staff from administration, 5 operation nursing and 3 nursing instructors were participated in this study. The study instruments were: 1) an interview guide for asking the experts to describe the excellent nursing service department, and 2) a questionnaire developed from the interview contents to ask a prior panel of experts for confirming the previous opinion. Study data were analyzed by using median and inter-quartile range to summarize the characteristics of excellent nursing service department.
The results revealed that the excellent service of private hospitals was classified into 4 categories:
1. Physician and nursing service, consisting of 4 subcategories: 1) General management 2) Human resources management 3) Applying knowledge management, and 4) Budgeting management.
2. Diagnostic service, consisting of 2 subcategories: 1) A variety of diagnostic models and 2) Effective quality of diagnostic and continuous of quality improvement.
3. Receptionist staff service consisting of 2 subcategories: 1) Basic competency and 2) Specific competency of receptionist staff.
4. Cashier staff service consisting of 2 subcategories: 1) Basic competency and 2) Specific competency of cashier staff.
Keywords : Excellent service, service quality, private hospitals
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2557). รูปแบบการบริการที่เป็นเลิศของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย. วารสารวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์บูรพาปริทัศน์, 9(2), 54-67.