รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทย
Title : รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทย: THE STRUCTURAL EQUATION MODEL OF CAUSAL FACTORS INFLUENCING PERFORMANCE OF FIVE STAR HOTELS IN THAILAND
Researcher : ดร. พิเชษฐ์ มุสิกะโปดก Dr. Pichet Musikapodok
Department : Faculty of Business, Siam University, Bangkok, Thailand
E-mail : pichmus@yahoo.com
Abstract : วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาว ในประเทศไทย และศึกษาความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุของปัจจัยด้านคุณภาพบริการโดยรวม การมุ่งเน้นตลาด และนวัตกรรมทางการตลาดที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เจ้าหน้าที่บริหารโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทย จำนวน 280 ตัวอย่าง การศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามแนวของไลเคิร์ท จำนวน 64 ข้อ เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติที่ทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (Path Analysis) และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM) โดยรูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุที่พัฒนาขึ้นมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ตลอดจนมีความสามารถในการพยากรณ์ได้ระดับดีและเป็นที่ยอมรับคิดเป็นร้อยละ 63.2 และความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุพบว่า ปัจจัยคุณภาพบริการโดยรวม การมุ่งเน้นตลาด และนวัตกรรมทางการตลาดมีความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
Key words : รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุการดำเนินงานโรงแรม 5 ดาว ในประเทศไทย
Publication : วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยฯ ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2559
Journal of Business Administration The Association of Private Higher Education Institutions of Thailand Vol.5 No.2 Jul-Dec 2016
Link to Publication: http://www.vu.ac.th/apheitvu/journal_v5n2.html
Download PDF : รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทย
Bibliography : พิเชษฐ์ มุสิกะโปดก. (2559). รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรม 5 ดาวในประเทศไทย. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยฯ, 5(2), 134-145.
ลักษณะการติดต่อใช้บริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรับส่งเงินตราระหว่างประเทศ ผ่านบริการเวสเทิร์นยูเนี่ยนในกรุงเทพมหานคร
Title : ลักษณะการติดต่อใช้บริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรับส่งเงินตราระหว่างประเทศ ผ่านบริการเวสเทิร์นยูเนี่ยนในกรุงเทพมหานคร : Contact Feature Service and Satisfaction of Serving Foreign Currency Transfer via Western Union in Bangkok Metropolis
Researcher : อนุสรา จันทร์กามา และ ดร.กานต์จิรา ลิมศิริธง
Department : Master of Business Administration, Siam University, Bangkok, Thailand
E-mail : ton_tuy@hotmail.com
บทคัดย่อ : การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลระหว่างลักษณะการติดต่อใช้บริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรับส่งเงินตราระหว่างประเทศ ผ่านบริการเวสเทิร์นยูเนี่ยนในกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้เครื่องมือในการวิจัย คือแบบสอบถามในการเก็บรวมรวบข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จํานวน 400 คน ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 57.7 มีอายุระหว่าง 35-44 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 31.8 ซึ่งมีสถานภาพสมรสมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 59.5 ระดับการศึกษาเป็นกลุ่มปริญญาตรีเป็นส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 45.3 มีอาชีพที่เข้าใช้บริการบ่อยๆ ส่วนมากทําธุรกิจส่วนตัวคิดเป็นร้อยละ 42.6 โดยมีรายได้ส่วนใหญ่อยู่ที่ 10,001-20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 35.1 นอกจากนี้ผลการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า ลักษณะการติดต่อใช้บริการ เกี่ยวกับช่วงเวลาในการติดต่อ ช่วงเวลา 14.31-16.30 น. คือช่วงที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 21 มีความถี่ในการใช้บริการประมาณ 1-2 ครั้งต่อเดือนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 55.4 และ วัตถุประสงค์ของการเลือกใช้บริการเพื่อทําธุรกิจระหว่างประเทศมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 27.7 ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ลักษณะการติดต่อใช้บริการทางด้านช่วงเวลาในการติดต่อมีผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการรับส่งเงินตราระหว่างประเทศในทุกๆ ด้าน เรียงลําดับสถิติอย่างมีนัยสําคัญที่ระดับ significant = 0.05 ได้แก่ด้านพนักงาน (significant = 0.000*) ด้านสถานที่ (significant = 0.000*) และด้านระบบการให้บริการ (significant = 0.007*)
คําสําคญั : ลักษณะการติดต่อใช้บริการ ความพึงพอใจ เวสเทิร์นยูเนี่ยน
Abstract : This research has an objective for study about international influence Contact Feature Service and Satisfaction of serving foreign currency transfer via Western Union in Bangkok Metropolis. By research tool’s the questionnaire data collection from sample group amount 400 persons. The result found that most respondents are male at 57.7%. The mots of Age between 35-44 years old 31.8%. The most of marriage status 59.5%. Education’s level is mostly Bachelor of degree 45.3% there’s an occupation which use service. It’s business’s owner 42.6%. There’re their income between 10,001-20,000 Bath. 35.1%. Beside this there’s additional result found that Contact Feature Service about duration in contact between 02:31 PM – 04:30 PM have the most of customer 21%. The frequency of the service, about 1-2 times a month most. 55.4%. The objective of selection service for make International Business 27.7% The hypothesis testing found that Contact Feature Service in the field of duration of contact have an effect to the satisfactionin serving foreign currency transfer. All of the field. Sort of statistics are a critical level on significant = 0.05 Such as the officer (Significant = 0.000*) The place (Significant = 0.000*) and System service (significant= 0.007*)
Key words : Contact Feature Service, Satisfaction, Western Union.
Proceeding : รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติ ปัญญาภิวัฒน์ ครั้งที่ 6 “นวัตกรรมเพื่อการส่งเสริมเศรษฐกิจไทยสู่โลกอนาคต” วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2559 ณ อาคารหอประชุม สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
Link to Proceeding: https://conference.pim.ac.th/thai/proceeding/
Bibliography : อนุสรา จันทร์กามา และ กานต์จิรา ลิมศิริธง. (2559). ลักษณะการติดต่อใช้บริการและความพึงพอใจในการใช้บริการรับส่งเงินตราระหว่างประเทศ ผ่านบริการเวสเทิร์นยูเนี่ยนในกรุงเทพมหานคร. ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติ ปัญญาภิวัฒน์ ครั้งที่ 6 “นวัตกรรมเพื่อการส่งเสริมเศรษฐกิจไทยสู่โลกอนาคต” (หน้า A323-A333). กรุงเทพฯ: สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์.
ลิขสิทธิ์ในงานวิชาการ
ชื่อบทความ : ลิขสิทธิ์ในงานวิชาการ: Copyright of Academic Works
เจ้าของผลงาน : ผศ.ดร.สมหมาย จันทร์เรือง
หน่วยงาน : คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
บทคัดย่อ : ลิขสิทธิ์ในงานวิชาการ
คำสำคัญ : ลิขสิทธิ์, งานวิชาการ
Publication : วารสารวิชาการ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 พฤษภาคม 2554 APHEIT JOURNAL Vol.17 No.1 May 2011
Link to Publication: http://apheit.bu.ac.th/index.php/read
Bibliography : สมหมาย จันทร์เรือง. (2554). ลิขสิทธิ์ในงานวิชาการ. วารสารวิชาการ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, 17(1), 179-193.
วิถีชีวิตนักดนตรีตาบอดในสังคมไทย : กรณีศึกษา กรุงเทพมหานคร
บทความวิจัย
[mfn]สมพร ปานยินดี. (2556). วิถีชีวิตนักดนตรีตาบอดในสังคมไทย : กรณีศึกษา กรุงเทพมหานคร. กระแสวัฒนธรรม, 14(26), 3-29.[/mfn] วิถีชีวิตนักดนตรีตาบอดในสังคมไทย : กรณีศึกษา กรุงเทพมหานคร
สมพร ปานยินดี
ศึกษาวิธีการสกัดและสมบัติทางเคมีกายภาพของโปรตีนพืชในการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์ (2566)
Title : ศึกษาวิธีการสกัดและสมบัติทางเคมีกายภาพของโปรตีนพืชในการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์ (Study on Extraction Methods and Physicochemical Properties of Plant-Based Proteins in Application of Meat Imitation Products)
Researcher : ธัญญาภรณ์ ศิริเลิศ, มัทวัน ศรีอินทร์คำ และ ณัฎฐิกา ศิลาลาย | Tunyaporn Sirilert, Mattawan Sri-inkum and Nattiga Silalai
Department : ภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
E-mail : tunyapornfood@gmail.com
ฐานข้อมูลงานวิจัย มหาวิทยาลัยสยาม : https://e-research.siam.edu/kb/study-on-extraction-methods/
Link to article: วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา ปีที่ 28 (ฉบับที่ 3) กันยายน – ธันวาคม พ.ศ. 2566|Burapha Science Journal, Volume 28 (No.3) September – December 2023 https://scijournal.buu.ac.th/index.php/sci/article/view/4726
Journal : วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา / in TCI กลุ่มที่ 1
Bibliography : ธัญญาภรณ์ ศิริเลิศ, มัทวัน ศรีอินทร์คำ และ ณัฏฐิกา ศิลาลาย. (2566). ศึกษาวิธีการสกัดและสมบัติทางเคมีกายภาพของโปรตีนพืชในการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์. วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา, 28(3), 1424-1444.
สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขการจัดการเรียนการสอนเนื้อหาเกี่ยวกับ จังหวะ
Title : สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขการจัดการเรียนการสอนเนื้อหาเกี่ยวกับ จังหวะ : Title Problems and solutions of learning about rhythm
Researcher : อนุวัฒน์ เขียวปราง
Department : วิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยสยาม
E-mail : few_jigadee455@hotmail.com
บทคัดย่อ : บทความวิชาการนี้เป็นบทความที่แสดงความคิดเห็นถึงการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับจังหวะ ซึ่งเป็นบทเรียนที่อยู่ภายใต้คำอธิบายรายวิชาทฤษฎีดนตรีสากล 1 ซึ่งวิชาดังกล่าวเป็นหนึ่งในวิชาที่ถูกบรรจุให้เป็นวิชาเอกของสาขาดนตรีในการศึกษาระดับอุดมศึกษา ด้วยสาเหตุที่ผู้สอนมีจำนวนคาบสอนในบทเรียนดังกล่าวอย่างจำกัด จึงส่งผลให้ผู้เรียนเกิดปัญหาความไม่เข้าใจจนสามารถสรุปปัญหาดังกล่าวได้เป็น 4 กรณี ได้แก่ 1. ความเข้าใจในลักษณะจังหวะเมื่อมีการนำโน้ตในแต่ละสัดส่วนมาจัดสรรให้เกิดความต่อเนื่องภายในห้องเพลง และ 2. ความเข้าใจในอัตราจังหวะต่างๆ 3. การกำหนดความยาวของเสียงเมื่อพบโน้ตที่มีเครื่องหมายการยืดค่าของโน้ต 4. การนับอัตราจังหวะธรรมแทนอัตราจังหวะผสม ใช้บทความนี้จึงได้มีการแสดงความคิดเห็นถึงกระบวนการสอนที่จะสามารถทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และตกผลึกทางด้านความรู้ โดยกำหนดจำนวนคาบสอนที่มีระยะเวลาที่จำกัดออกเป็น 2 ส่วนแล้วนำเนื้อหาจากบทเรียนที่ผู้สอนเล็งเห็นว่ามีความใกล้เคียงและต่อเนื่องนำมาอยู่ในระยะเดียวกัน มีการหยิบยกบทเพลงที่ผู้เรียนมีความคุ้นเคยในชีวิตประจำวันในการบรรยายเนื้อหาแต่ละครั้ง ผู้สอนควรใช้วิธีการอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเช่น การแสดงตารางเปรียบเทียบค่าของตัวโน้ต การกำหนดจังหวะเคาะให้ถูกต้องเพื่อความแม่นยำ ตลอดจนมีการหยิบยกบทเพลงที่ผู้เรียนมีความคุ้นเคยในชีวิตประจำวันมาเป็นตัวอย่าง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การเรียนการสอนมีความเหมาะสมกับจำนวนคาบที่จำกัด และเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของผู้เรียนและพัฒนาไปสู่ทักษะที่ดีในการบรรเลงดนตรี
คำสำคัญ : การเรียนการสอน จังหวะ ทฤษฎีดนตร
Abstract : This article is an article that reviews the teaching and learning about rhythm. This is a lesson that the Course Description music theory courses such as the one of the courses that are packed into a major branch of music in higher education. Because the instructors have taught many lessons in such a limited period. As a result, the students do not understand the problem until the problem can be summarized into four cases. 1. Understanding the nature of the stroke when the proportion allocated to each note in the music room and the understanding of the rhythm 2. Understanding the rate and rhythm. 3. Determining the length of a note found on a stretch marks. Also worthy of note. 4. Count the beats of the rhythm fairly mixed. This article has been submitted to the process of teaching students to be able to understand. Has put forward a song that the students are familiar in everyday life in the narrative content each time. The instructor should explain how the concrete. For example compare the value of the notes. To determine the correct rhythm tapped for precision. It has put forward a song that the students are familiar in everyday life, as an example, which will make the course suitable for a limited number of sessions. And a deep understanding of the students. And to develop skills in music.
Keywords : Teaching, Rhythm, Music theory
Download PDF: สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขการจัดการเรียนการสอนเนื้อหาเกี่ยวกับ จังหวะ
Proceeding : การประชุมวิชาการระดับชาติ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2560 วันที่ 25 พฤษภาคม 2560 มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต APHEIT Conference 2017
Link to Proceeding: http://apheitconference.siam.edu/index.php/en/proceedings-2012-2016
Bibliography : อนุวัฒน์ เขียวปราง. (2560). สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขการจัดการเรียนการสอนเนื้อหาเกี่ยวกับ จังหวะ. ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2560 (หน้า 1047-1057). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต.
สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการจัดการทั่วไป
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการจัดการทั่วไป การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีวิทยาแบบการสร้างทฤษฎีฐานรากซึ่งเป็นวิธีวิทยาหนึ่งของกระบวนทัศน์ทางเลือก เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้แนวคำถามการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และวิธีการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม ผู้ให้ข้อมูลหลักจากความคิดเห็นของ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มผู้ประกอบการ 2) กลุ่มผู้บริหารในสถานประกอบการ และ 3) กลุ่มศิษย์เก่าที่สำเร็จการศึกษาและทำงานแล้ว รวม 15 คน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับความหมายของสมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต ผลการวิจัยพบว่า สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการจัดการทั่วไป ประกอบด้วย 1) มีความรู้ตรงกับงานที่ทำ 2) มีทักษะในการสังเกต 3) มีการวางแผนธุรกิจได้ดี 4) สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปได้ดี 5) มีการสื่อสารที่ดี 6) มีความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม
คำสำคัญ: สมรรถนะ, บัณฑิต, คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการจัดการทั่วไป
Abstract
The research aimed to study essential professional competencies required of graduates from the Department of General Management, Faculty of Business Administration. This study was a qualitative research and used the grounded theory methodology. This methodology was a part of an alternative paradigm. Data were collected, using in-depth interview with semi-structured questions in the interview and non-participant observation. 15 key informants were from 3 groups: 1) entrepreneur 2) company’s administrators, and 3) graduated alumni. Data analysis based on in-depth interview indicated that professional competencies which were required of the graduates from the Department of General Management, Faculty of Business Administration, consisted of 1) knowledge directly relevant to the job, 2) observation skills, 3) efficient business planning, 4) ability to use the software program, 5) effective communication, and 6) honesty and ethics.
KEYWORDS: Essential competencies, Graduates, Department of General Management, Faculty of Business Administration
งานที่อ้างถึง
รุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2561). สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการจัดการทั่วไป. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 38(6), 136-154.
Essential professional competencies required of graduates from the department of general management, Faculty of Business Administration
สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร (2561)
Title : สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร : Essential Competencies Required of Graduates from the Faculty of Business Administration Department of Finance and Banking
Researcher : ดร. รุ่งโรจน์ สงสระบุญ¹ อาจารย์วิมล ประคัลภ์พงศ์² อาจารย์สมชัย เอื้อวิบูลย์ทรัพย์³
Department : ¹อาจารย์ประจำภาควิชาการจัดการทั่วไป คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยามกรุงเทพฯ 10160
²อาจารย์ประจำภาควิชาการเงินและการธนาคาร คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยามกรุงเทพฯ 10160
³อาจารย์ประจำภาควิชาการเงินและการธนาคาร คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยามกรุงเทพฯ 10160
E-mail : ผู้ประสานงานหลัก: rrs101@hotmail.com
บทคัดย่อ : การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีวิทยาแบบการสร้างทฤษฎีฐานรากซึ่งเป็นวิธีวิทยาหนึ่งของกระบวนทัศน์ทางเลือก เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้แนวคำถามการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และวิธีการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม ผู้ให้ข้อมูลหลักจากความคิดเห็นของ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มผู้ประกอบการ 2) กลุ่มผู้บริหารในสถานประกอบการ และ 3) กลุ่มศิษย์เก่าที่สำเร็จการศึกษาและทำงานแล้ว รวม 15 คน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับความหมายของสมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต ผลการวิจัยพบว่า สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร ประกอบด้วย 1) ความรู้ด้านการเงิน 2) มีทักษะในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ 3) มีการทำงานเป็นทีม 4) มีการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปได้ดี และ 5) มีความซื่อสัตย์
คําสําคัญ : 1. สมรรถนะ 2. บัณฑิต 3.คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร
Abstract : The research aimed to study essential competencies required of graduates from The Faculty of Business Administration Department of Finance and Banking. This research was a qualitative research and establishing the grounded theory methodology. This methodology was a part of alternative paradigm. Data were collected by in-depth interviews semi
structured questions in interview and non-participant observation. The key informants were 1) entrepreneur 2) company’s administrators, and 3) graduated alumni with totaling 15
informants. The research result was found that performance required for the professional practice of the graduates, Faculty of Business Administration Department of Finance and Banking consists of 1) knowledge of finance and investment 2) systematic problem solving skills 3) skill of Interpersonal and responsibilities 4) Skills in numerical analysis and 5) moral / ethical skills, honesty
Keywords : 1. Essential Competencies 2. Graduates 3. Business Administration Department of Finance and Banking
Donwload PDF : สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร
Proceeding : รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 13 เรื่อง “Changing Era: What’s happening in Arts & Design in 21St Century? เปลี่ยนผ่านอย่างสร้างสรรค์สู่ศตวรรษที่ 21” ศูนย์บริการวิจัย และ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ร่วมกับ เครือข่ายวิจัยประชาชื่น วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมหอประวัติและพิพิธภัณฑ์ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ อาคาร 6 ชั้น 7 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
Link to Proceeding: http://www.dpu.ac.th/conference/
Bibliography : รุ่งโรจน์ สงสระบุญ, วิมล ประคัลภ์พงศ์ และ สมชัย เอื้อวิบูลย์ทรัพย์. (2561). สมรรถนะที่จำเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร. ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 13 เรื่อง “Changing Era: What’s happening in Arts & Design in 21St Century? เปลี่ยนผ่านอย่างสร้างสรรค์สู่ศตวรรษที่ 21” (หน้า 82-92). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม (2560)
Title : สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม : Essential Competencies Required of New Graduates from Faculty of Business Administration, Siam University
Researcher : ดร.สัมฤทธิ์ เทียนดํา และ คณะ
Department : คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม 10160
E-mail : Sumrit.tia@siam.edu
บทคัดย่อ : วัตถุประสงค์ของการวิจัยในครั้งนี้ เพื่อศึกษาสมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ แบบการจัดการประชุมแบบสัมภาษณ์กลุ่ม ใน 5 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาการบัญชี ภาควิชาการเงินและการธนาคาร ภาควิชาการตลาด ภาควิชาการจัดการทัวไป และภาควิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ตามกรอบแนวคิดมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ของบัณฑิต ด้านทักษะทางปัญญา ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความรับผิดชอบด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านคุณธรรม/จริยธรรม และกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ประกอบการ ผู้บริหารในสถานประกอบการ และศิษย์เก่าที่สําเร็จ การศึกษาและทํางานแล้ว จํานวน 25 คน
ผลการศึกษาพบว่า 1) สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ภาควิชาการบัญชี ได้แก่ ความรู้ด้านบัญชีและการเงิน การติดต่อประสานงาน ความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปได้ดี มีความซื่อสัตย์ และรับฟังข้อเสนอแนะ 2) สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ภาควิชาการเงินและการธนาคาร ได้แก่ ความรู้ด้านการเงิน การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การทํางานเป็นทีม การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปได้ดี และมีความซื่อสัตย์ 3) สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ภาควิชาการตลาด ได้แก่ ความรู้ด้านการตลาด การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การทํางานเป็นทีม การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปได้ดี และความอดทนในการทํางาน 4) สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ภาควิชาการจัดการทั่วไป ได้แก่ มีความรู้ตรงกับงานที่ทํา มีทักษะในการสังเกตุ การวางแผนธุรกิจ การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปได้ดี มีความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม 5) สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริ หารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ภาควิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ได้แก่ ความรู้ด้านส่งออกและนําเข้า การติดต่อประสานที่ดี มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สามารถทําการตลาดออนไลน์ได้ดี และมีความละเอียดรอบคอบ
ข้อเสนอแนะเพื่อนําผลการศึกษาไปใช้ มีแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ได้แก่ 1) การเตรียมความพร้อมให้กับบัณฑิตด้านทักษะภาษาต่างประเทศ เช่น จัดให้มีการเรียนรู้เพิ่มเติมในภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนให้กับบัณฑิต 2) การสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมที่ทําให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาสมรรถนะของบัณฑิต 3) การวางแผนการเรียนให้รู้ให้กับบัณฑิต โดยกำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้ให้ชัดเจน 3) การวินิจฉัยความจําเป็นของการพัฒนาสมรรถนะให้กับบัณฑิต รวมถึงการสร้างโอกาสสําหรับการปรับปรุ งพัฒนาตนเองของบัณฑิต 5) การกําหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการพัฒนาสมรรถนะของบัณฑิต ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ 6) การออกแบบแผนการเรียนรู้ให้กับบัณฑิตที่เหมาะสม เพื่อมุ่งสร้างสมรรถนะด้านความรู้ประสบการณ์ชีวิตให้กับบัณฑิต 7) การปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสมกับความต้องการของบุคคล และสภาพสังคม จัดให้มีการเรียนการสอนวิชาการตลาดดิจิทัล วิชาการเป็นผู้ประกอบการ ธุรกิจสตาร์อัพ วิชาภาษาอาเซียน (CLMV) วิชาประสบการณ์ชีวิต และวิชาการสร้างนวัตกรรมใหม่ในกลุ่มวิชาแกนเพิ่มด้วย 8) มีการจัดกิจกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาสมรรถนะทางด้านการทําธุรกิจสมัยใหม่ เช่น กิจกรรมการฝึกอบรมในวิชาชีพ การมอบหมายงานจริงให้ปฎิบัติ การจัดตั้งชมรมผู้ประกอบการ และการจัดตั้งบริษัทจําลอง และ 9) มีการประเมินผลการพัฒนาสมรรถนะของบัณฑิต โดยประเมินทั้งเป็นแบบทางการ และแบบไม่เป็นทางการ เพื่อใช้ในการเปรียบผลลัพธ์กับเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ และการสังเกตพฤติกรรมของบัณฑิตระหว่างการพัฒนา เช่น การมีส่วนร่วม ความเอาใจใส่ ความตั้งใจ และความกระตือรือร้น
Abstract : The objective of this research was to study the essential competencies required of new graduates from the Faculty of Business Administration, Siam University by using the qualitative research method and group interviews in the five undergraduate degree programs: Accountancy, Finance and Banking, Marketing, General Management, and International Business Management. It was based on the standard conceptual framework of the National Qualifications Framework for Higher Education in Thailand in the five domains: knowledge of graduates, intellectual skills, interpersonal skills and responsibilities, analytical and communication skills and ethical and moral. The informants (population) consisted of 25 entrepreneurs who were in executives’ positions, and the alumni of Siam University.
The results of this study showed that 1) the essential competencies required of new graduates from the Faculty of Business Administration, Siam University in Accountancy program were the knowledge in accounting and finance, the coordination, and responsibility competencies, ability to use specific computer softwares in the field, be honest and listen to the suggestions; 2) the essential competencies required of new graduates from the Faculty of Business Administration, Siam University in Finance and Banking program were the knowledge of finance, the systematic problem-solving skill, teamwork skill, ability to use specific computer softwares in the field, and be honest; 3) the essential competencies required of new graduates from the Faculty of Business Administration, Siam University in Marketing program were the knowledge in marketing, the systematic problem-solving skill, teamwork skill, ability to use specific computer softwares in the field, and be patient to work; 4) the essential competencies required of new graduates from The Faculty of Business Administration, Siam University in General Management program were the knowledge of the area, the observative habit, ability to prepare business planning, ability to use specific computer softwares in the field, be honest and have virtue; 5) the essential competencies required of new graduates from The Faculty of Business Administration, Siam University in International Business Management program were the knowledge in international business, e.g. import and export, the coordinating competency and responsibilities, digital marketing skills, and thoroughness and accuracy habit. Suggestions for applying research findings in the development of the essential competencies required of new graduates from faculty of business administration, Siam University were 1) to enhance foreign language skills of the graduates, such as providing additional courses in English, Chinese and ASEAN languages; 2) to create appropriate atmosphere for learning and developing; 3) to set study plan with clear goal for undergraduate students; 4) to analyze the need of competency development for graduates including to create opportunities for self improvement; 5) to define the objectives or goals of the competency development for the programs to meet the need of entrepreneurs; 6) to design the appropiate learning plan to build the knowledge competency of life experience for graduates; 7) to improve the appropriate curriculum to meet individual needs and social conditions. Digital marketing subject, Startup business entrepreneurs subject, ASEAN language (CLMV), life experience subject and new innovation subject were recommended to add in the core subjects; 8) activities for the competency development of modern business such as professional training, the assignment of the actual job to perform, the establishment of entrepreneurial clubs and the establishment of a simulation company were suggested; and 9) evaluate competency development both formally and informally to compare the results with the goals; and observe the students’ behavior such as participation, attention, willingness and enthusiasm to learn throughout the semester.
Donwload PDF : รายงานการวิจัย เรื่อง สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม
Bibliography : สัมฤทธิ์ เทียนดํา, พิเชษฐ์ มุสิกะโปดก, เปรมจิต พรหมสาระเมธี, กิตติชัย ถาวรธรรมฤทธิ์, วิบูลย์ ชินบูรพา, สมพร ปานยินดี, … พิจักษณ์ จันทวิโรจน์. (2560). สมรรถนะที่จําเป็นต่อการประกอบวิชาชีพของบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสยาม.
องค์ประกอบปัจจัยทางการตลาดและพฤติกรรมการซื้อ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่นในเขต กรุงเทพมหานคร (2560)
[mfn]วราภรณ์ ลิ้มเปรมวัฒนา และ เอกภพ มณีนารถ. (2560). องค์ประกอบปัจจัยทางการตลาดและพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร. สยามวิชาการ, 18(30), 72-92.[/mfn] องค์ประกอบปัจจัยทางการตลาดและพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร
วราภรณ์ ลิ้มเปรมวัฒนา และ เอกภพ มณีนารถ
อาจารย์ประจําภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม
Abstract: The research on “Marketing Factors and Purchasing Behavior of Environmentally Friendly Products of Teenagers in Bangkok Metropolitan Area” has the objective for 1) studying
the marketing factor effective to the purchase of environmentally friendly products of teenagers in Bangkok Metropolitan Area 2) studying the purchasing behavior of environmentally friendly products of teenagers in Bangkok Metropolitan Area. The samples used in this research are 400 teenagers having their ages in between 15 – 24 years old living in Bangkok Metropolitan Area who purchased environmentally friendly products. The statistics used in the data analysis are percentage, mean, standard deviation, and factor analysis. The result of the research found that the marketing factors used in deciding to purchase the environmentally friendly products consisted of 3 factors, they are 1) Product, brand, and packaging, 2) Promotion and how to pay money in different forms, and 3) Reasonable prices and purchasing convenience.
Keywords: Marketing Factors, Purchasing Behavior, Environmentally Friendly Products, Teenagers
Bibliography: วราภรณ์ ลิ้มเปรมวัฒนา และ เอกภพ มณีนารถ. (2560). องค์ประกอบปัจจัยทางการตลาดและพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร. สยามวิชาการ, 18(30), 72-92.