The Study on Thailand’s Particulate Matter 2.5 (PM 2.5) Management in Accordance with The World Health Organization (WHO) Guidelines (2020)

Title           :  The Study on Thailand’s Particulate Matter 2.5 (PM 2.5) Management in Accordance with The World Health Organization (WHO) Guidelines

Researcher       :Wichittraphon Sukcharoen, Phitchakorn Tangaromsuk, Mooktapa Sontiatchara, Kotchaphon Waithayakul, Chirayu Savedkairop, Jidapa Poopongpet, Ratarat Kengkoom, Sakkarin Bhubhanil, & Sarawut Lapmanee

Department     : Faculty of Medicine, Siam University, Bangkok, Thailand

E-mail                : sarawut.lap@siam.ed

Abstract            :  Objective: To study Thailand’s particulate matter 2.5 (PM 2.5) management in line with the World Health Organization (WHO) guidelines.

Methods: This academic article aims to review about the health effects of PM 2.5 and study Thailand’s solutions. The plan is to analyze national policies, national development plans, environmental situation reports, air pollution and dust management in Thailand and sample countries, namely China, Japan, and Vietnam in conformity with the WHO guidelines covering six areas, i.e. industry, energy, transport, urban planning, power generation, municipal and agricultural waste management.

Results: PM 2.5 affects free radicals balance, induces inflammation in lung tissue and cell death, as well as causes respiratory and cardiovascular disorders. However, Thailand has adopted PM 2.5 solution measures in line with the WHO guidelines and performed in the same way as other sample countries to control PM 2.5.

Conclusions: As PM 2.5 is harmful to health, Thailand has introduced urban pollution management methods followed the WHO guidelines to reduce health problems and enhance people’s quality of life.

Keywords: Air pollution, Particulate Matter 2.5 microns, Policy, WHO

Link to Academic article:  DOI: https://doi.org/10.14456/vmj.2020.34


Journal : Vajira Medical Journal: Journal of Urban Medicine,   Vol. 64 No. 5 (2020): SEP – OCT 2020


Bibliography     :   Wichittraphon Sukcharoen, Phitchakorn Tangaromsuk, Mooktapa Sontiatchara, Kotchaphon Waithayakul, Chirayu Savedkairop, Jidapa Poopongpet, Ratarat Kengkoom, Sakkarin Bhubhanil, & Sarawut Lapmanee. (2020). The study on Thailand’s particulate matter 2.5 (PM 2.5) management in accordance with The World Health Organization (WHO) guidelines. Vajira Medical Journal: Journal of Urban Medicine, 64(5), 345-356.


 

Quick View

การจัดการทางการสื่อสารในองค์กรในช่วงการทำงานที่บ้าน (2563)

Title              : การจัดการทางการสื่อสารในองค์กรในช่วงการทำงานที่บ้าน (Communication management in organization during work from home)

Researcher       :  ดร.ธีติมา ปิยะศิริศิลป์
Department     :  MBA, Siam University, Bangkok, Thailand

E-mail                :  teetima_p@yahoo.com

บทคัดย่อ             :  การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จากบุคลากรในมหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วม โดยผู้วิจัยใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured or the general
interview guide approach) และมีการนำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์ด้วยการเขียนเชิงพรรณนา (Descriptive Analysis) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการทางการสื่อสารในองค์กรในช่วงการทำงานที่บ้าน ผลการวิจัยพบว่า บุคลากรของมหาวิทยาลัยสยามมีการสื่อสารแบบเป็นทางการ (Formal Communication) ในลักษณะการสื่อสารแบบบนลงล่าง (Downward Communication) การสื่อสารแบบล่างขึ้นบน (Upward Communication) การสื่อสารแบบแนวทแยง (Diagonal Communication) การสื่อสารแบบแนวราบ (Lateral or Horizontal Communication) และการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ (Informal Communication) รวมทั้งมีการสื่อสารในรูปแบบการสื่อสารสองทา ง (Two-way communication) การสื่อสารยังเป็นแบบเห็นหน้าค่าตา (Face to face communication) และสื่อสารแบบข้อมูลป้นกลับ (Feedback) นอกจากนี้การจัดการทางการสื่อสารมีความสำคัญมากและส่งผลต่อการเรียนการสอน การทำงาน การติดต่อ และการประสานงานในองค์กร

คำสำคัญ             : การจัดการทางการสื่อสาร, การสื่อสารในองค์กร, การทำงานที่บ้าน

Abstract            :  This research is a qualitative research. Data was collected by in-depth Interview from employees in Siam University and participatory observation. The researcher was employed purposive sampling, semi-structured or the general interview guide approach, and the research result was presented into descriptive analysis. This research aimed to investigate the management communication in Organization during work from home. The results reveal that
personnel of Siam University have been using formal communication and informal communication in form of downward communication, upward communication, diagonal communication and lateral or horizontal Communication. Including two-way communication, face to face communication, and feedback. Moreover, communication in management plays an important role and effects to learning, working, and coordinating in organization.

Keywords         : Management Communication, Communication in Organization, Work from Home.


Proceeding       :  การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ National and International Academic Conference Innovation and Management for Sustainability 9-10 July 2020 Eastin Grand Hotel Sathorn Bangkok                             

Link to Proceeding SECTION 1 : Link Download (compressed 8 MB)   |   Link Download  (39.9 MB )


Bibliography    :  ธีติมา ปิยะศิริศิลป์ และ ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ. (2563). การจัดการทางการสื่อสารในองค์กรในช่วงการทำงานที่บ้าน (Communication management in organization during work from home). ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ National and International Academic Conference Innovation and Management for Sustainability 9-10 July 2020 (หน้า 510-525). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสยาม.

Quick View

การประเมินนโยบายการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต และสมรรถนะ การใช้ยาอย่างสมเหตุผลของอาจารย์พยาบาล (2563)

ชื่อบทความ       : การประเมินนโยบายการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต และสมรรถนะ การใช้ยาอย่างสมเหตุผลของอาจารย์พยาบาล

Title              : An Evaluation of the Policy of Integrating RDU Curriculum into the Bachelor of Nursing Science Program and RDU Competency of Nurse Instructors

ผู้เขียน/Author  : ภาวิดา พุทธิขันธ์, กนกเลขา สุวรรณพงษ์, นฤมล อังศิริศักดิ์, กมลรัตน์ เทอร์เนอร์ และ สุนทราวดี เธียรพิเชฐ 

Researcher       : Phawida Putthikhan, Kanoklekha Suwannapong, Naruemol Angsirisak *, Kamolrat Turner & Suntharawadee Theinpichet

Department     : * Faculty of Nursing, Siam University, Bangkok, Thailand

ฐานข้อมูลงานวิจัย มหาวิทยาลัยสยาม    : https://e-research.siam.edu/kb/an-evaluation-of-the-policy/

Link to article : วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 ม.ค.-มิ.ย. 63 | Thai Red Cross Nursing Journal Vol. 13 No. 1 January – June (2020) https://he02.tci-thaijo.org/index.php/trcnj/article/view/243833


Link to Published: วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย / TCI 1


Bibliography     :  ภาวิดา พุทธิขันธ์, กนกเลขา สุวรรณพงษ์, นฤมล อังศิริศักดิ์, กมลรัตน์ เทอร์เนอร์ และ สุนทราวดี เธียรพิเชฐ. (2563). การประเมินนโยบายการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต และสมรรถนะ การใช้ยาอย่างสมเหตุผลของอาจารย์พยาบาล. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 13(1), 282-301.


 

Quick View

การพัฒนาผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนยแข็งชนิดอ่อนเสริมด้วยผงโปรตีนมะพร้าวเข้มข้น (2563)

Title              : การพัฒนาผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนยแข็งชนิดอ่อนเสริมด้วยผงโปรตีนมะพร้าวเข้มข้น (Development of Soft Cheese-Like Product Enriched with Coconut Protein Concentrate)

Researcher       : สมฤดี ไทพาณิชย์

Department     : ภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

E-mail                : somruedee.tha@siam.edu

ฐานข้อมูลงานวิจัย มหาวิทยาลัยสยาม: https://e-research.siam.edu/kb/development-of-soft-cheese-like-product/


Link to article: วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | Thai Science and Technology Journal, Vol.28 No.12 (2020), 2173-2184. https://li01.tci-thaijo.org/index.php/tstj/article/view/201210


Journal : วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | Thai Science and Technology Journal / in TCI กลุ่มที่ 1


Bibliography     :  สมฤดี ไทพาณิชย์. (2563). การพัฒนาผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนยแข็งชนิดอ่อน เสริมด้วยผงโปรตีนมะพร้าวเข้มข้น. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 28(12), 2173-2184.


 

Quick View

การรักษาโรคเต้านมอักเสบในปศุสัตว์ (2563)

ผู้เขียนบทความ: ดร.ภญ.วิริยาพร ศิริกุล* ภญ.อภิชญา ดวงรัตนประทีป ภญ.อัจฉราภรณ์ สุขเจริญ นศภ.น้ำทอง ชำนิจ

บทคัดย่อ:

โรคเต้านมอักเสบ (mastitis) ในโคนมนั้น เป็นปัญหาสำคัญในทางเศรษฐกิจของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เนื่องจากคุณภาพของน้ำนมโคที่ได้นั้นลดต่ำลง ไม่สามารถผลิตน้ำนมได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด อีกทั้งต้องสูญเสียค่ารักษาในโคนมที่เป็นโรคนี้อีกด้วย โดยโรคเต้านมอักเสบ คือภาวะของการอักเสบที่เกิดขึ้นในบริเวณเนื้อเยื่อภายในเต้านม ส่งผลให้เต้านมมีลักษณะบวมแดงและน้ำนมโคที่ได้จะมีปริมาณและคุณภาพลดลงเต้านมจะมีลักษณะอักเสบบวมแดงหรือโคนมจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร มีไข้ ประกอบกับลักษณะน้ำนมเปลี่ยนแปลงไปจะพบน้ำนมเป็นก้อนหรือเป็นแผ่น หรือสีของน้ำนมเปลี่ยนเป็นใส และจะพบการวิเคราะห์ของน้ำนมผิดปกติไปได้เช่นเดียวกับเต้านมอักเสบแบบไม่แสดงอาการ ในการรักษาเต้านมอักเสบในโคนมปัจจุบันด้วยการบริหารการให้ยาผ่านการฉีดโดยสามารถฉีดได้ทั้งเข้ากล้าม (intramuscular; IM) เข้าหลอดเลือดดำ (intravenous; IV) และการสอดผ่านทางเต้านม (intramammary) และมีการพัฒนารูปแบบที่สามารถควบคุมการปลดปล่อยยา เพื่อลดจำนวนการให้ยาต่อวันและให้ผลในการรักษาดีขึ้น

คำสำคัญ: โรคเต้านมอักเสบ ยาปฏิชีวนะ ยาสอดเต้า

Link to Academic article: การรักษาโรคเต้านมอักเสบในปศุสัตว์

Quick View

การวิเคราะห์ข้อมูลทางสุขภาพด้วยเทคนิคดาต้าไมน์นิงเบื้องต้น (2563)

การวิเคราะห์ข้อมูลทางสุขภาพด้วยเทคนิคดาต้าไมน์นิงเบื้องต้น (2563)

ผู้เขียนบทความ: อ.ภญ. สิริกัลยา เบ็ญจวรรณ์

บทคัดย่อ:

เทคนิคดาต้า ไมน์นิงเป็นกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นวิธีการค้นหาข้อมูลสำคัญเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เทคนิคนี้เป็นที่ยอมรับและถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายวงการ สำหรับข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพก็มีงานวิจัยมากมายที่ใช้เทคนิคนี้ในการค้นหาคำตอบ หรือข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ เทคนิคดาต้า ไมน์นิงถูกนำมาใช้ในการหากฎความสัมพันธ์ (Association Rules Discovery) การแบ่งกลุ่มข้อมูล (Clustering) และการจำแนกประเภทของข้อมูล (Classification) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคดาต้า ไมน์นิงเบื้องต้นควรมีพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ รูปแบบของข้อมูล และเทคนิคพื้นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะสนับสนุนให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคดาต้า ไมน์นิงได้ดียิ่งขึ้น จากความสามารถของเทคนิคดาต้า ไมน์นิง หากบุคลากรทางการแพทย์มีความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคนี้ก็จะเป็นประโยชน์ในการทำงาน และอาจเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลใหม่ที่เป็นประโยชน์ในอนาคต

คำสำคัญ: ดาต้า ไมน์นิง เหมืองข้อมูล ข้อมูลทางสุขภาพ

Link to Academic article: การวิเคราะห์ข้อมูลทางสุขภาพด้วยเทคนิคดาต้าไมน์นิงเบื้องต้น

Quick View

ความท้าทายของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทย (2563)

ชื่อบทความ     : ความท้าทายของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทย: Challenges on Collecting Land and Building Tax in Thailand

เจ้าของผลงาน       :   ผศ.ดร.สมหมาย จันทร์เรือง, อาจารย์ยุทธนา ศรีสวัสดิ์, และอาจารย์เมธาวี บัวสมบูรณ์

บทคัดย่อ                : ภาษี คือ หน้าที่หรือภาระหรือความรับผิดชอบที่ประชาชนต้องนําส่งให้ภาครัฐตามที่กฎหมาย กําหนด เพื่อสนับสนุนกิจการของรัฐ โดยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกจ้างนั้นเป็นภาษีที่จัดเก็บจากทรัพย์สิน ประเภทหนึ่ง ปัจจุบันพบว่า การถือครองอสังหาริมทรัพย์มีการกระจุกตัวอยู่เฉพาะในกลุ่มคนที่มีฐานะร่ํารวย ซึ่งได้มีการถือครองไว้เป็นจํานวนมาก ในขณะที่คนส่วนมากไม่มีที่ดินหรือบ้านเป็นของตนเอง จึงแสดง ให้เห็นว่า ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบํารุงท้องที่มีการจัดเก็บอย่างไม่เป็นธรรมและไม่เป็นจริงตามระบบ การจัดเก็บภาษีที่ควรจะเป็น ทําให้เกิดปัญหาในทางโครงสร้างของการจัดเก็บภาษี ประเทศไทยจึงแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการยกเลิกภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบํารุงท้องที่ และตราพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 โดยหวังว่าจะทําให้การจัดเก็บอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ศึกษาเปรียบเทียบการจัดเก็บภาษีลักษณะนี้กับต่างประเทศพบว่ามีจุดสังเกต ที่น่าสนใจ เช่น ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศสใช้เกณฑ์รายได้และเกณฑ์อายุประกอบการพิจารณาเก็บภาษีด้วยประเทศออสเตรเลีย กําหนดให้คนต่างชาติต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพิ่มอีก ร้อยละ 2 จากภาษีปกติ ประเทศแคนาดากําหนดให้ผู้เช่าตามสัญญาเช่าระยะยาวเป็นผู้เสียภาษีแทนที่จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นต้น นอกจากนี้ การบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทย ยังมีจุดสังเกตบางประการ ซึ่งควรนํามาบูรณาการเพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ของไทยมีประสิทธิภาพและ เป็นธรรมแก่สังคมยิ่งขึ้น

คำสำคัญ    : ภาษี, ที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง


Publication        : วารสารกฎหมายสุโขทัยธรรมาธิราช (STOU Journal of Law) ปีที่ 31 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2563   

Link to Publication:   https://lawjournal.stou.ac.th/Page/Home.aspx

Bibliography  : สมหมาย จันทร์เรือง, ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ และเมธาวี บัวสมบูรณ์. (2563). ความท้าทายของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทย.วารสารกฎหมายสุโขทัยธรรมาธิราช, 31(2), 95-110.


วารสารฉบับพิมพ์ที่มีในห้องสมุด

Row Hit Heading
1 1 oวารสารกฎหมายสุโขทัยธรรมาธิราช (Sukhothai Thammathirat Law Journal)

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

Quick View

ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี (2563)

Title              :  ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี (Factors Affecting Condominium Buying Decisions of IRIS Westgate, Nontaburi)

Researcher       :  ดร.จิตระวี ทองเถา, ดร.นันทพร ดำรงพงศ์ และ ดร.รุ่งโรจน์ สงสระบุญ

Dr.Jitravee Thongtao, Dr.Nantaporn Damrongpong & Dr.Rungroje Songsraboon
Department     :  MBA, Siam University, Bangkok, Thailand

E-mail                :   jitravee.tho@siam.edu

บทคัดย่อ             :  วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์และปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอยางส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกวาเพศหญิง โดยมีอายุ ระหว่าง 36 – 46 ปี ซึ่งส่วนใหญ่แต่งงานแล้ว มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว 3 คน มีอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือนระหว่าง 20,001 – 40,000 บาท และส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ การพิจารณาการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี ส่วนใหญ่พิจารณาจากราคาและเงื่อนไขการผ่อนชำระ วัตถุประสงค์หลักในการตัดสินใจ คือ มีครอบครัวแล้วและต้องการมีที่พักอาศัยเป็นสัดส่วน ส่วนใหญ่รับทราบข้อมูลข่าวสารผ่านโทรทัศน์ นอกจากนี้ผู้วิจัยพบว่า การตัดสินใจระดับสูงที่สุด คือ ด้านราคา การทดสอบสมมติฐาน พบว่าลักษณะประชากรศาสตร์และปัจจัยทางการตลาดมีความสัมพันธ์กับการตัดสิ นใจซื้อไอริ ส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี

คำสำคัญ             :  ปัจจัยทางการตลาด, การตัดสินใจซื้อ, ไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม

Abstract            :  The purpose of this study to demographic and marketing mix factors affecting condominium buying decisions of IRIS Westgate, Nontaburi. The results of the study showed that most consumers are male, aged between 36 – 46 years, married, 3 members of family, work in private companies, earned between 20,001 – 40,000 baht per month, and hold bachelor’s degree. In addition, condominium buying decision of condominium buying decisions of IRIS Westgate, Nontaburi considered from price and terms and conditions. The main objective in buying decision was that they had a family and wanted to have their own residence. Most of them received information through television. In addition, the researcher found that the highest decision making was price. Hypothesis testing revealed that demographic and marketing mix factors were related to decision making condominium in IRIS Westgate, Nontaburi.

Keywords         :  Marketing Mix, Buying decisions, IRIS Westgate condominium.


Proceeding       :  การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ National and International Academic Conference Innovation and Management for Sustainability 9-10 July 2020 Eastin Grand Hotel Sathorn Bangkok                             

Link to Proceeding SECTION 1 : Link Download (compressed 8 MB)   |   Link Download  (39.9 MB )


Bibliography    :  จิตระวี ทองเถา, นันทพร ดำรงพงศ์ และรุ่งโรจน์ สงสระบุญ. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไอริส เวสท์เกต คอนโดมิเนียม นนทบุรี (Factors Affecting Condominium Buying Decisions of IRIS Westgate, Nontaburi). ใน รายงานการประชุม การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ National and International Academic Conference Innovation and Management for Sustainability 9-10 July 2020 (หน้า 480-490). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสยาม.

Quick View

พยาธิสรีรวิทยาของภาวะหัวใจล้มเหลว (2563)

ผู้เขียนบทความ: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ภญ. ใจนุช กาญจนภู

บทคัดย่อ:

ระบบไหลเวียนโลหิตมีหน้าที่ในการรักษาความดันโลหิตแดง (arterial blood pressure) เพื่อให้อวัยวะส่วนปลายได้รับเลือดไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ ภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure หรือ congestive heart failure) คือ ภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย American College of Cardiology Foundation/ American Heart Association หรือ ACC/AHA ปี 2013 ให้นิยามของภาวะหัวใจล้มเหลวไว้ดังนี้ “หัวใจล้มเหลวเป็นอาการทางคลินิกที่ซับซ้อน เกิดจากความผิดปกติทางโครงสร้างหรือการทำงานในการเติมเลือด (filling) หรือการสูบฉีดเลือด (ejection) ออกจากหัวใจห้องล่าง” อาการแสดงสำคัญของภาวะหัวใจล้มเหลว ได้แก่ หายใจขัด (dyspnea) และอ่อนล้า (fatigue) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถออกกำลังกายหรือออกแรงหนักๆได้ และมีการคั่งของน้ำตามที่ต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การเกิดภาวะน้ำคั่งในปอด (pulmonary congestion) น้ำคั่งในช่องท้อง (splanchnic congestion) และอาการบวมน้ำ (peripheral edema) ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเหนื่อยหอบขณะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ โดยไม่มีการคั่งของน้ำร่วม การวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลวอาศัยอาการทางคลินิกประกอบกับประวัติและผลการตรวจร่างกายเพื่อช่วยในการวินิจฉัยภาวะดังกล่าว

คำสำคัญ: พยาธิ สรีรวิทยา หัวใจล้มเหลว

Link to Academic article: พยาธิสรีรวิทยาของภาวะหัวใจล้มเหลว

Quick View

ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูกจากโรคมะเร็ง และการจัดการโดยใช้ยาตามแนวทางของมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา (2563)

ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูกจากโรคมะเร็ง และการจัดการโดยใช้ยาตามแนวทางของมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา (2563)

ผู้เขียนบทความ: อ.ภก.ทักษิณ จันทร์สิงห์

บทคัดย่อ:

ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูกจากมะเร็ง (cancer cachexia) มักพบในผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย เป็นกลุ่มอาการที่มีความซับซ้อน โดยจะพบการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อโครงร่างอย่างต่อเนื่อง และ/หรือร่วมกับการสูญเสียไขมันในร่างกาย การจัดการภาวะ cancer cachexia เป็นไปในลักษณะของพหุสาขา โดยอาศัยหลาย ๆ วิธีร่วมกัน ทั้งการรักษาโรคมะเร็ง การจัดการภาวะแทรกซ้อนจากการรักษามะเร็ง การให้คำปรึกษาเรื่องโภชนาการ และการใช้ยารักษาภาวะ cancer cachexia ปัจจุบันยังไม่มีรายการยาที่ได้รับอนุมัติข้อบ่งใช้ในการรักษาภาวะ cancer cachexia แต่รายการยาที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ตามแนวทางของมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. 2563 ได้แก่ อนุพันธ์ของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เช่น megestrol acetate ขนาด 200-600 มิลลิกรัม/วัน ขนาดยาดังกล่าวมีผลเพิ่มความอยากอาหาร และน้ำหนักตัว และ corticosteroids เช่น dexamethasone ขนาด 3-4 มิลลิกรัม/วัน (หรือยาอื่นที่ทัดเทียม) มีผลเพิ่มความอยากอาหาร แต่การพิจารณาการใช้ยาแต่ละชนิดควรประเมินความปลอดภัยร่วมด้วย จำกัดการใช้ในรายที่ได้ประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียงที่ได้รับ

คำสำคัญ:

Link to Academic article: ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูกจากโรคมะเร็ง และการจัดการโดยใช้ยาตามแนวทางของมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา

Quick View