วันการศึกษานอกระบบ 8 กันยายน

การศึกษานอกระบบ (Non-Formal Education) คือ การศึกษาที่จัดให้กับประชาชน ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดพื้นฐานการศึกษา อาชีพ ประสบการณ์หรือความสนใจ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และและทักษะที่จำเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิตการจัดการศึกษานอกระบบ มีความยึดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมายรูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผลและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้อง กับวิถีชีวิตและความต้องการของผู้เรียน (สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย, ม.ป.ป.,  น. 4)

International Literacy Dayองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO  ได้กำหนดเอาวันที่ 8 กันยายนของทุกปี เป็นวัน International Literacy Day ตามมติของที่ประชุมของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการจากประเทศทั่วโลก ว่าด้วยการขจัดการไม่รู้หนังสือ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเตหะราน เมื่อปี ค.ศ. 1965 เพื่อเป็นวันที่ระลึกการรู้หนังสือสากล และได้มีหนังสือเชิญชวนประเทศสมาชิกร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 โดยได้จัด เรื่อง The World Educational Crisis ซึ่งได้นิยามการศึกษานอกระบบ หมายถึง “การจัดการกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ แต่นอกกรอบของการจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนปกติ โดยมุ่งบริการให้คนกลุ่มต่างๆ ของประชากร ทั้งที่เป็นผู้ใหญ่และเด็ก” โดยเน้นการเรียนรู้ (Learning) แต่ในปัจจุบันการศึกษานอกระบบคือ กระบวนการจัดการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน ทั้งที่เป็นทัศนคติ ทักษะ และความรู้ซึ่งทำได้ยืดหยุ่นกว่าการเรียนในระบบโรงเรียนทั่วไป สมรรถนะที่เกิดจากการศึกษานอกระบบมีตั้งแต่ทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเอง การทำงานเป็นกลุ่ม การแก้ไข ความขัดแย้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การเป็นผู้นำ การแก้ปัญหาร่วมกัน การสร้างความเชื่อมั่น ความรับผิดชอบและความมีวินัย การศึกษานอกระบบยุคใหม่จึงเน้นการเรียนรู้และสมรรถนะ (Learning and Competency) (จรวยพร  ธรณินทร์, 2550, อ้างถึงใน อัญชลี ธรรมะวิธีกุล, 2552)

วันการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับในประเทศไทย ประวัติและวิวัฒนาการของการศึกษานอกระบบ และการศึกษาผู้ใหญ่ นั้น มีลักษณะการเรียนการสอนในแบบของ การศึกษานอกระบบโรงเรียน อย่างเห็นได้ ชัดโดยมีแหล่งของความรู้ที่สําคัญ ๆ คือ วัง วัด บ้าน และชุมชน ลักษณะที่เด่น ของการศึกษาไทยอีกประการหนึ่งก็คือ การศึกษาแบบเดิมของไทยเรา อาจกล่าวได้ว่าเป็น การศึกษาอย่างไม่เป็นทางการหรือการศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education)  เพราะว่าเป็นการเรียนรู้อย่างไม่มีแบบแผนแน่นอน และได้รับความรู้คู่ไปกับการทํางานหรือ การปฏิบัติในชีวิตจริงนั้นเอง

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.บุญสม มาร์ตินภายหลังจากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการจัดการศึกษาให้มีลักษณะและรูปแบบสอดคล้องกับประเทศทางตะวันตก  สําหรับการศึกษาผู้ใหญ่ได้มีบทบาทสําคัญมากต่อการพัฒนาประเทศ โดยรัฐบาลได้เล็งเห็นความสําคัญ ในการรู้หนังสือของประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดตั้งกองการศึกษาผู้ใหญ่  ขึ้นเมื่อ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2483 มีหน้าที่รับผิดชอบดําเนินการจัดการศึกษาผู้ใหญ่ และทําหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย ซึ่งคงจะเห็นได้ ว่าในช่วงปี พ.ศ. 2483– 2503 ได้มีการพัฒนารูปแบบกิจกรรม และกระบวนการในการดําเนินการทางด้านการศึกษาผู้ใหญ่ หลายประการด้วยกัน ในช่วงเวลาตั้งแต่ พ.ศ. 2503-2523 การศึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งเดิมมีฐานะเป็นเพียงกองการศึกษาผู้ใหญ่เท่านั้น ก็ได้รับการยกฐานะและประกาศจัดตั้งเป็นกรมการศึกษานอกโรงเรียน เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2522โดยมีนายบรรจง ชูสกุลชาติเป็นอธิบดีคนแรก และมีนายแพทย์บุญสม  มาร์ติน เป็นรัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น (สุวัฒน์  วัฒนวงศ์ , 2529, น. 79)

การศึกษานอกโรงเรียนได้นำปรัชญา “คิดเป็น” มาใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยมุ่งเน้นที่เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคนให้มีความสุข ซึ่งบุคคลสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ หากสามารถแก้ไขปัญหาและปรับตัว ให้ประสานสมดุลกับสภาพแวดล้อม ดังนั้นการศึกษานอกโรงเรียน เป็นการจัดการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะการจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนแต่เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะสนองตอบความต้องการในการเรียนรู้ของประชาชน ได้อย่างทั่วถึง จำเป็นต้องมีการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียน ซึ่งมีลักษณะยืดหยุ่นมากกว่า สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชนได้อย่างหลากหลาย และทั่วถึง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลง ทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง รวมทั้งมีความเจริญก้าวหน้า ทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างวิธีการใหม่ ๆ ในการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียน โดยทำให้การเรียนรู้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว และแสวงหาได้โดยง่ายสำหรับคนทั่วไป

ประเทศไทยจัดกิจกรรมตั้งแต่ปี 2510 เป็นต้นมา และในปี 2522 ได้จัดนิทรรศการ “วันการศึกษานอกโรงเรียน” มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนให้ความร่วมมือ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน ได้เห็นความสำคัญของการรู้หนังสือ และการศึกษาตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้ International Literacy Day จึงกลายเป็น “วันการศึกษานอกโรงเรียน ” ตั้งแต่ปี 2522 เป็นต้นมา

[quote arrow=”yes”]หลักการของการศึกษานอกระบบ[/quote]
  1. เน้นความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษา การกระจายโอกาสทางการศึกษา ให้ครอบคลุมและทั่วถึง
  2. ส่งเสริมการจัดการศึกษา อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต มีความยืดหยุ่นในเรื่องกฎเกณฑ์ ระเบียบต่าง ๆ
  3. จัดการศึกษาให้สนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ให้เรียนรู้ในสิ่งที่สัมพันธ์กับชีวิต
  4. จัดการศึกษาหลากหลายรูปแบบ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้สอนมิได้จำกัดเฉพาะครู อาจจะเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงาน หรือจากท้องถิ่น

สนุก! กูรู.  (2556).  วันการศึกษานอกโรงเรียน.  เข้าถึงได้จาก  https://guru.sanook.com/4366/

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย.  (ม.ป.ป.).  คัมภีร์ กศน.  กรุงเทพฯ: หน่วยศึกษานิเทศก์.  เข้าถึงได้จาก   http://dl.kids-d.org/bitstream/handle/123456789/2456/onie-ebook-general-0000006.pdf?sequence=1

สุวัฒน์  วัฒนวงศ์.  (2529).  การศึกษานอกระบบโรงเรียน.  กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร.

อัญชลี  ธรรมะวิธีกุล.  (2552).  การศึกษานอกระบบโรงเรียน (Non-formal Education).  เข้าถึงได้จาก https://www.myhora.com/ปฏิทิน/วันการประมง.aspx

เว็บไซต์ International Literacy Day

วันการศึกษานอกระบบ Non-Formal Education Day