วันอานันทมหิดล

๙ มิถุนายน วันอานันทมหิดล ธ ผู้ทรงให้กำเนิดวงการแพทยศาสตร์
   ๙ มิถุนายน ของทุกปีถือเป็นอีกวันสำคัญของไทย เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ผู้ทรงให้กำเนิดวงการแพทย์ศาสตร์ ร่วมน้อมระลึกถึงพระมหา กรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
พระราชประวัติ

        พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เป็นพระโอรสพระองค์แรกในสมเด็จ พระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระราชสมภพ ณ เมืองไฮเดลเบอร์ก ประเทศเยอรมณี เมื่อวันอาทิตย์ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๘ มีพระนามว่า หม่อมเจ้าชายอานันทมหิดล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ หัว รัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น พระวรวศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๐ มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีอีก ๒ พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ภูมิพลอดุลยเดช
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.๒๔๗๕ ต่อมาภายหลัง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัว ทรงสระราชสมบัติ สภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น มีมติเห็นขอบให้อัญเชิญ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้า อานันทมหิดลขึ้นครองราชสืบราชสันติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรง พระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล” เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๗  ในขณะนั้นพระองค์มี พระชนมมายุเพียง ๙ พรรษา จึงต้องทรงมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้แก่ พระวรวงศ์เธอกรมหมื่น อนุวัตรจาตุรนต์  พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา และเจ้าพระยายมราช ทำการบริหารแผ่นดิน แทนจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ
วันอานันทมหิดล 9 มิถุนายน ผู้ให้กำเนิดวงการแพทย์ศาสตร์
วันอานันทมหิดล 9 มิถุนายน ผู้ให้กำเนิดวงการแพทย์ศาสตร์        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จนิวัตกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกหลักจากขึ้น ครองราชย์ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา ตลอดระยะเวลา ๒ เดือน  ที่ทรงเสด็จประทับอยู่ใน เมืองไทยได้ทรงออกเยี่ยมราษฎรในที่ต่างๆ จากนั้น พระองค์ทรงเสด็จกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์ แลนด์ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ การคมนาคมติดต่อเป็นไปโดยลำบาก  พระองค์ท่านจึงไม่ทรงมี โอกาสติดต่อกับประเทศไทย เมื่อสงครามสงบ พระองค์จึงเสด็จนิวัติกลับประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๘  ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา  ในการเสด็จนิวัตเมืองไทยครั้งนี้ เดิมทรงตั้ง พระราชหฤทัยจะประทับอยู่ในเมืองไทยเพียง ๑ เดือน จากนั้นจะเสด็จพระราชดำเนินกลับสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ทันการเปิดภาคเรียนใหม่ ในกลางเดือนมกราคม แต่เนื่องจาก ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายในฐานะ ประมุขของประเทศ ทำให้ทรงเลื่อนเวลาที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับสวิตเซอร์แลนด์ออกไป
        ระหว่างที่พระองค์ประทับอยู่ในพระนคร เมื่อคราวเสด็จนิวัติเมืองไทยครั้งที่ ๒ นั้น  พระองค์ เสด็จสวรรคต เนื่องจากถูกพระแสงปืน ณ พระแทนบรรทมในพระที่นั่งบรมพิมาน เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙  หลังจากเสวยราชสมบัติอยู่เป็นเวลา ๑๒ ปีเท่านั้น[divide icon=”circle” width=”medium”]
[quote arrow=”yes”]พระราชกรณียกิจ[/quote]
  • การปกครอง

ในหลวงร.๘ และในหลวง ร.๙ เสด็จประพาสสำเพ็งพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  ในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๙ และเปิดประชุมสภาผู้แทนในวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ และทรงเยี่ยมชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นครั้งแรก ณ สำเพ็ง พระนคร พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่ง เป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งกันระหว่างชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนจนเกือบเกิดสงครามกลางเมือง เมื่อ พระองค์ทรงทราบเรื่องมีพระราชดำริว่าหากปล่อยความขุ่นข้องบาดหมางไว้เช่นนี้ จะเป็นผลร้ายตลอดไป จึง ทรงตัดสิน พระทัยเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ ๔ ชั่วโมง และพระองค์ทรงพระราช ดำเนินด้วยพระบาทเป็นระยะประมาณ ๓ กิโลเมตร การเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็งครั้งนี้จึงเป็นการประสาน รอยร้าวที่เกิดขึ้นให้หมดไป

รัชกาลที่ 8-นิวัติพระนคร ครั้งแรก-วัดสระเกศ

  • การศาสนา

ในการเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรกนั้น พระองค์ได้ประกอบพิธีทรงปฏิญาณตนเป็น พุทธมามกะท่ามกลางมณฑลสงฆ์ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๑ นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธรูปในพระอารามที่สำคัญ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร วัดสระเกศราช วรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดเทพศิรินทราวาสราช วรวิหาร โดยเฉพาะที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารนั้น พระองค์เคยมีพระราชดำรัสกล่าวว่า “ที่นี่สงบเงียบน่าอยู่จริง” ดังนั้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตจึงได้นำพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มา ประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
พระองค์ยังทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะผนวชในพระพุทธศาสนา โดยได้มีพระราชหัตเลขาถึงสมเด็จ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ทรงขอสังฆราชานุเคราะห์ใน การศึกษาตำราทางพระพุทธศาสนาเพื่อใช้ในการเตรียมพระองค์ในการที่จะอุปสมบท แต่ก็มิได้ผนวชตาม ที่ตั้งพระราชหฤทัยไว้ นอกจากนี้ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์บำรุงวัดวาอารามกับพระราชทานพระบรม ราชูปถัมภ์แก่ศาสนาอื่นตามสมควร

  • การศึกษา

ในการเสด็จนิวัติพระนครในครั้งที่ ๒ พระองค์ทรงได้ประกอบพระราชกรณียกิจ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของประเทศ โดยเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรกิจการของหอสมุดแห่งชาติ รวมทั้ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียน เทพศิรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทรงศึกษาขณะทรงพระเยาว์
วันอานันทมหิดล 9 มิถุนายน ผู้ให้กำเนิดวงการแพทย์ศาสตร์นอกจากนี้พระองค์ยังได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรเป็นครั้งแรกของพระองค์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๙ และอีกครั้งที่หอประชุมราช แพทยาลัยศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๙ โดยในการ พระราชทานปริญญาบัตรครั้งนี้ มีพระราชปรารภให้มีการผลิตแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วย เหลือประชาชน โรงเรียนแพทย์แห่งที่ ๒ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งในปัจจุบัน คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหลังจากนั้น ในวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ พระองค์ทรงหว่าน ข้าว ณ แปลงสาธิต ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งถือเป็นพระราชกรณียกิจสุดท้าย ก่อนเสด็จสวรรคต ในฐานะเราปวงชนชาวไทย จึงควรรำลึกถึงพระเมตตาธิคุณและมหากรุณาธิคุณ อันเป็นอเนกประการ จึงร่วม ใจ ถือเอาวันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันอานันทมหิดล”

วันอานันทมหิดล 9 มิถุนายน ผู้ให้กำเนิดวงการแพทย์ศาสตร์ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ สมาคมศิษย์เก่าแพทย์ จุฬาลงกรณ์ ได้รวบรวมทุนบริจาคจาก ทุกรุ่นมาจัด สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้นไว้หน้าตึกอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงบันดาลให้เกิดคณะแพทย์ศาสตร์ และเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศให้ประชาชนได้รำลึกถึงพระองค์ท่านสืบไปอีกด้วย


บุษยา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา.  (บรรณาธิการ).  (๒๕๔๕).  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร.  กรุงเทพฯ: ไดเร็ค มีเดียกรุ๊ป (ประเทศไทย).

มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้.  (๒๕๕๘).  รำลึก ๖๙ ปี วันอานันทมหิดล.  เข้าถึงได้จาก https://www.museumsiam.org/da-detail.php?MID=3&CID=16&CONID=180&SCID=126

รักชาวใต้ดอทคอม.  (๒๕๕๖). ๙ มิถุนายน วันอานันทมหิดล.  เข้าถึงได้จาก  http://www.rakchawtai.com/index.php/tips/97-ananda-mahidol

สาวลักษณ์ แสงสุวรรณ.  (๒๕๖๐).  สมานรอยร้าวไทย-จีน!! ในหลวง ร.๘ และในหลวง ร.๙ เสด็จประพาสสำเพ็ง น้ำพระทัยพระมหากษัตริย์ ๒ รัชกาล ที่คนจีนในสยามมิรู้ลืม.  เข้าถึงได้จาก  http://www.tnews.co.th/contents/324771

CAMPSUS Star.  (๒๕๕๙). ๙ มิถุนายน วันอานันทมหิดล ผู้ให้กำเนิดแพทย์ศาสตร์.  เข้าถึงได้จาก https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/26584.html

วันอานันทมหิดล Ananda Mahidol day